สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 4.0% สู่ระดับ 7.619 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 2 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.7%
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ในกรุงโตเกียว กล่าวว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายในเดือนเม.ย.นั้น เป็นเพราะภาคเอกชนและกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะช่วยหนุนยอดส่งออกให้เพิ่มขึ้นและลดโอกาสที่ญี่ปุ่นจะเผชิญกับภาวะเงินฝืดแล้ว ยังช่วยกระตุ้นยอดสั่งซื้อเครื่องจักรให้เพิ่มขึ้นด้วย โดยบริษัท ฮิตาชิ และบริษัท โตเกียว อิเล็กตรอน เป็นสองในอีกหลายบริษัทที่ได้ประโยชน์จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเอกชนญี่ปุ่นยังวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในการซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักรในโรงงาน
ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 88.0% สู่ระดับ 1.2421 แสนล้านเยน เนื่องจากยอดส่งออกขยายตัวแข็งแกร่ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นมาตรวัดมูลค่าค้าทั้งในด้านสินค้าและการบริการ ซึ่งญี่ปุ่นมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันยาวนานถึง 15 เดือน
ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 42.7% สู่ระดับ 5.5771 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 26.1% แตะที่ 4.718 แสนล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 สำนักข่าวเกียวโดรายงาน