ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นบีพีที่ถูกกระหน่ำขายอย่งหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดจนเป็นเหตุให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกจำนวนมากนั้น อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและการสู้คดีในชั้นศาลของบีพี อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เพราะตลาดได้แรงหนุนจากการแสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อเศรษฐกิจของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 40.73 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 9,899.25 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.31 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 1,055.69 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 11.72 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 2,158.85 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) ขานรับเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเชื่อมั่นว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก และระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวแม้อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ร่วงลงเหนือความคาดหมาย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 3.32% ปิดที่ 74.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 72.03 - 74.96 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อเศรษฐกิจของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง รวมถึงการที่เบอร์นันเก้แสดงความเชื่อมั่นว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก และเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวแม้อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 15.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,229.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,231.10 - 1,242.60 ดอลลาร์
-- ค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นในเสถียรภาพของค่าเงินยูโร หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก อย่างไรก็ตาม ยูโรดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเพราะถูกกระทบจากข่าวผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) บังคับใช้กฎห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นที่ยังไม่มีการกู้ยืมมาก่อน (naked short-selling) ในยุโรป
ค่าเงินยูโรดีดขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ 1.1982 ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.1972 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.37% แตะที่ 1.4523 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4470 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.47% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.080 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 91.510 เยน และดิ่งลง 0.30% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1481 ฟรังค์ จากระดับ 1.1516 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนลง 0.01% แตะที่ 0.8271 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8272 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.10% แตะที่ 0.6660 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6667 ดอลลาร์สหรัฐ
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่ส่งเข้ามาในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีการคาดการณ์ว่ายอดส่งออกของจีนจะขยายตัวแข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 ดีดขึ้น 57.71 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 5,085.86 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,998.06 - 5,085.86 จุด