นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะขยายเวลาการจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ 53 ต่อไปจนถึงวันที่ 16 มิ.ย.53 จากกำหนดเดิมที่เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 7-11 มิ.ย.53 โดยยังคงวงเงินรวมที่เสนอขาย 1 แสนล้านบาท และคงเงื่อนไขการจองซื้อที่รายละ 10,000 บาท ถึง 1 ล้านบาท
สำหรับยอดจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ 3 วันที่ผ่านมา (7-9 มิ.ย.53) มีประชาชนและนักลงทุนจองซื้อพันธบัตรรวม 65,000 ล้านบาท จำนวน 8,800 ราย คิดเป็นยอดเฉลี่ยจองซื้อรายละ 73,800 บาท
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า หลังจากกระทรวงการคลังได้ขยายเวลาการจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งแล้ว เชื่อว่าจะขายหมดทั้งจำนวนอย่างแน่นอน ซึ่งการขายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้รัฐบาลไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะต้องขายได้หมดเต็มวงเงิน 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลต้องการเปิดโอกาสให้ประชาชนรายย่อยมีทางเลือกในการเข้าลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง จึงไม่ได้เน้นขายให้นักลงทุนรายใหญ่ โดยผลตอบแทนของพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งครั้งนี้สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ มองว่าการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่น่าจะสร้างแรงจูงใจที่ดีกว่าพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง เนื่องจากภาคเอกชนมีวงเงินออกหุ้นกู้ที่น้อยกว่า และมีจำนวนน้อยราย และรัฐบาลไม่ได้มีเป้าหมายที่จะดึงสภาพคล่องแข่งกับภาคเอกชน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกการลงทุน
"รัฐบาลไม่ได้มีเป้าหมายจะไปแย่งชิงเงินกับเอกชน เพราะเราต้องการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกที่ปลอดความเสี่ยง และมีผลตอบแทนที่ดีกว่า การออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งไม่ใช่วิธีการกู้ของคลังที่เป็นต้นทุนที่ต่ำสุด จริงๆ เรามีทางเลือกอื่นอยู่แล้ว แต่เป้าหมายของเราคืออยากกระจายโอกาสให้ผู้มีเงินออมได้มีทางเลือกมากขึ้น"นายกรณ์ กล่าว
สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของการขายพันธบัตรออมทรัพย์อีก 5 วัน โดยที่ธนาคารขนาดเล็กที่เป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น ธนชาต ซีไอเอ็มบี ที่มีผู้จองซื้อเต็มโควต้าแล้ว ได้มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)ช่วยเจรจากับธนาคารขนาดใหญ่ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย แบ่งโควต้าการขายพันธบัตรออมทรัพย์ให้เพิ่มเติมได้
รมว.คลัง กล่าวถึงธนบัตรที่มีข้อความไม่เหมาะสมด้านหลังธนบัตรนั้น ถือเป็นธนบัตรเสีย ธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) พร้อมที่จะรับแลกธนบัตร และยืนยันว่าประชาชนไม่ได้เสียสิทธิใดๆ