นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนที่จะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ บินตรงจากฐานการบินที่สอง ภูเก็ต-มาเก๊า ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะภูเก็ตเป็นปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมความงามธรรมชาติท้องทะเล ในขณะที่มาเก๊าเป็นปลายทางแห่งสีสันความบันเทิงครบถ้วน จะทำให้เกิดการหมุนเวียนของนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายจำนวนมากต่อไป
มาเก๊า มีระบบเศรษฐกิจเสรี และโดดเด่นภาคการท่องเที่ยวบริการ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตรวดเร็ว โดยเป็นประตูที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกและชาวจีนเดินทางผ่าน จึงเป็นดินแดนที่มีศักยภาพพร้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกับประเทศไทยได้อย่างดี
ทั้งนี้ การก่อตั้งหอการค้าไทย-มาเก๊า เป็นโอกาสดีที่จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากจีนและมาเก๊า ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีปริมาณและกำลังการซื้อสูง มาท่องเที่ยวและใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้น โดยแอร์เอเชียจะรับหน้าที่เป็นสื่อกลางนำนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านคุณภาพบริการที่ดีและโปรโมชั่นแคมเปญที่เกิดขึ้น
“การก่อตั้งหอการค้าไทย-มาเก๊าครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญทั้งภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งไทยแอร์เอเชีย เพราะถึงแม้สายการบินจะเป็นบริษัทเอกชน แต่ก็ตั้งใจจริงที่จะร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ซึ่งกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง"
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พร้อมเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ซึ่งหากมีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน หรือแจ้งข่าวแก่นักท่องเที่ยวว่าพื้นที่/จังหวัดใดพร้อมแล้วสำหรับการท่องเที่ยว ทุกคนก็จะเกิดความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งสายการบินยินดีในการสนับสนุนส่งเสริมอย่างเต็มที่
อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียได้เปิดให้บริการเส้นทางบินกรุงเทพฯ-มาเก๊า ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ก.ค.47 จำนวน 1 เที่ยวบินต่อวัน เดือน ต.ค.ในปีเดียวกัน เพิ่มเป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน เดือน ธ.ค.48 เพิ่มเป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน และตั้งแต่เดือน ธ.ค.50 เป็นต้นมา สายการบินให้บริการเป็น 4 เที่ยวบินต่อวัน จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 52 ที่ผ่านมา เส้นทางกรุงเทพฯ-มาเก๊ามีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 82 เปอร์เซ็นต์ต่อเที่ยวบิน