นายสมบูรณ์ อารยะสกุล รองผู้ว่าการพัฒนา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.ลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า 2 โรงในปีหน้า ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2553-2573 (พีดีพี 2010) คือ โรงไฟฟ้าวังน้อย หน่วยการผลิตที่ 4 กำลังการผลิต 800 เมกกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ใช้เงินลงทุน 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน 2557
และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ 2 กำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ภายในปีหน้าและกำหนดเสร็จในปี 2557
ทั้ง 2 โรงได้ผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)แล้ว แต่อยู่ระหว่างรอให้คณะอนุกรรมการแก้ไขการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ โดยมีนายนายอนันต์ ปันยารชุน เป็นประธานพิจารณาและตรวจสอบว่าโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งจำเป็นต้องจัดทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) หรือไม่ หากอนุกรรมการฯ เห็นว่าเป็นโครงการที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน กฟผ.จะต้องจัดทำ เอชไอเอ ซึ่งอาจส่งผลให้โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งล่าช้าออกไปอีกประมาณ 1 ปี 6 เดือน
นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่าปีนี้ กฟผ.จะนำโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ กำลังการผลิต 700 เมกกะวัตต์ เข้าระบบ พร้อมทั้งยืดอายุการใช้งานโรงไฟฟ้าเก่าของ กฟผ. และของบริษัทในเครือออกไปอีกเพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าแทน หากโรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(ไอพีพี) 4 โรงไม่สามารถขึ้นได้ทันตามกำหนด เช่น โรงไฟฟ้าบางคล้า และโรงไฟฟ้าเอ็นพีเอส จ.ฉะเชิงเทรา
สำหรับโรงไฟฟ้าเก่าที่จะยืดอายุการใช้งานออกไป คือ โรงไฟฟ้าระยอง, ขนอม, แม่เมาะ, พระนครใต้ และโรงไฟฟ้าบางปะกง ซึ่งจะหมดอายุการใช้งานในอีก 3-4 ปีข้างหน้า รวมทั้งจะรับซื้อไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ในโครงการหงสา 1,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเข้าระบบในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า