ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน เนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐที่ร่วงลงโดยไม่คาดหมายในเดือนพ.ค.ได้จุดชนวนความวิตกกังวลว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจไม่ยั่งยืน ส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินจากตลาดอื่นๆ อาทิ ตลาดหุ้นและตลาดน้ำมัน และหันมาซื้อเงินดอลลาร์เพราะเห็นว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่า
เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.12% แตะ 1.2093 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2108 ดอลลาร์ แต่แข็งค่าขึ้น 0.24% แตะ 110.86 เยน จากระดับ 110.60 เยน ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 1.22% แตะที่ 1.4523 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4702 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐบวกขึ้น 0.35% แตะ 91.680 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 91.360 เยน, เพิ่มขึ้น 0.65% แตะ 1.1501 ฟรังค์สวิส จากระดับ 1.1427 ฟรังค์สวิส และแข็งค่าขึ้น 0.30% แตะ 1.0335 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0304 ในวันก่อน
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียบวก 0.16% แตะที่ 0.8502 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.8488 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.59% แตะที่ 0.6908 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6852 เมื่อวันก่อน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 1.2% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 8 เดือน ส่งสัญญาณว่าผู้บริโภคเริ่มอดออม ในขณะที่การจ้างงานชะลอตัว อัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง และตลาดหุ้นผันผวน
ยอดค้าปลีกที่ลดลงในเดือนพ.ค.สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.4% ต่อเนื่องจากเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.6% และตัวเลขที่ลดลงอย่างพลิกความคาดหมายนี้ได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาคครัวเรือนจะเริ่มลดการใช้จ่าย หลังจากที่เพิ่งมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ที่ชะลอตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเกือบทั้งหมด แม้ว่าในเวลาต่อมา รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย. ซึ่งปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 75.5 จากระดับ 73.6 ในเดือนพ.ค. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 74.5 ก็ตาม
ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน หลักจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษลดลง 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.
ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก และมีความอ่อนไหวง่ายต่อความตื่นตระหนกของนักลงทุนที่อาจตัดสินใจซื้อหรือขายเมื่อรู้สึกวิกตกกังวลเกี่ยวกับตลาดการเงินที่ผันผวนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ โดยในปีนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากนักลงทุนกลับมาถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีความเสี่ยงต่ำกว่ายูโร โดยเฉพาะในยามที่เกิดวิกฤตหนี้สินในภูมิภาคยุโรป