นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวในช่วง 4.5-5.5% แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจขยายตัวได้ถึง 6% หากสถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม หากปัญหาการเมืองเกิดขึ้นซ้ำอีก ก็คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่เกิน 4-4.5%
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดี มาจากภาคการส่งออก ซึ่งไตรมาส 1/53 การส่งออกขยายตัวได้ดีมาก ทั้งสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ สินค้าเกษตร โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าว มีราคาดี และ ขณะนี้ไทยมีการส่งออกในอาเซียนมากขึ้น จากเดิมที่ส่งออกที่ไปยังสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ปัจจุบันได้ลดสัดส่วนเหลือตลาดละ 10%
สำหรับภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ขณะนี้นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศได้ทยอยเดินทางกลับเข้ามมาในประเทศไทยแล้ว เช่น จีน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสถานการณ์ในและต่างประเทศยังไม่น่าไว้วางใจ โดยในประเทศยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยการเมือง ซึ่งมองว่าแผนปรองดองของนายกรัฐมนตรีที่จะทำให้เกิดขึ้นภายในปลายปีนี้ยังล่าช้าเกินไป แต่ควรจะเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หรือความไม่เท่าเทียมในสังคม เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจสังคมให้เร็วขึ้นกว่านั้น
ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปที่หลายประเทศยังมีปัญหาหนี้สาธารณะ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ดีมาก เห็นได้จากตัวเลขการว่างงาน จึงต้องมีการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด
นายอาชว์ ยังได้ยกแนวคิดของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือซีพี เรื่องทฤษฎี 2 สูง คือ ทำให้ราคาสินค้าเกษตรลอยตัว เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ดี และเพิ่มรายได้ให้ข้าราชการไปพร้อมกัน ยังมีความเหมาะสมในการนำมาใช้กับสถานการณ์ในขณะนี้ โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ไม่ยาก และสามารถทำให้ลดช่องว่างทางสังคมได้รวดเร็ว
"แม้ว่าจะดูตัวเลขดีในปีนี้ แต่อย่าเพิ่งวางใจภาวะเศรษฐกิจบ้านเรา อย่าประมาท พื้นฐานเศรษฐกิจเรายังมั่นคงอยู่ ภาพโดยรวมเศรษฐกิจยังพอไปได้ ดีกว่าที่เราคาดไว้ตอนต้นปีที่เกิดวิกฤตการเมือง" นายอาชว์ กล่าว