สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) เนื่องจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวแข็งแกร่งในยูโรโซนทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำสามารถดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 5.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,224.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,217.50 - 1,235.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ ปิดที่ 18.411 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8.8 เซนต์ ปิดที่ 2.992 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 28.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,563.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 14.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 462.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ข้อมูลในด้านบวกจากภาคการผลิตของยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง โดยเมื่อวานนี้สำนักงานสถิติแห่งยูโรโซนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนในเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 0.8% ต่อเดือน และหากเทียบเป็นรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 9.5 % ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปี
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันที่ 1,217.50 ดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ามูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba1 จากระดับ A3 โดยอันดับความน่าเชื่อถือที่ Ba1 เป็นระดับ "ขยะ" หรือ "ระดับที่ไม่น่าลงทุน" ทั้งนี้ มูดีส์ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับที่ประกาศไว้ในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมาได้หรือไม่
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำแท่ง 1,306.137 ตันเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันที่ 10 มิ.ย.