ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) หลังจากสำนักสถิติแห่งสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนขยายตัวแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยูโรได้รับแรงกดดันหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซ
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.96% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.2226 ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2110 ดอลลาร์ และเงินปอนด์ทะยานขึ้น 1.42% แตะที่ 1.4748 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4542 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.19% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 91.470 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 91.640 เยน และร่วงลง 0.67% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1410 ฟรังค์ จากระดับ 1.1487 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.93% แตะที่ 0.8581 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.8502 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.87% แตะที่ 0.6957 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6897 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรมากขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติของอียูเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนในเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 0.8% ต่อเดือน และหากเทียบเป็นรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 9.5 % ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปี
อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกของยูโรได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า มูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba1 จากระดับ A3 โดยอันดับความน่าเชื่อถือที่ Ba1 เป็นระดับ "ขยะ" หรือ "ระดับที่ไม่น่าลงทุน" ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มูดีส์ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับที่ประกาศไว้ในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมาได้หรือไม่
มาร์ค แชนด์เลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์รีแมน กล่าวว่า "การที่มูดีส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซในครั้งนี้ อาจทำให้กรีซประสบความยากลำบากในการระดมเงินในตลาดทุน ถึงกระนั้นก็ตาม คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกรีซจะอยู่ในกรอบที่จำกัด เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงรับซื้อพันธบัตรกรีซ ไม่ว่าพันธบัตรจะถูกจัดอยู่ที่อันดับใดก็ตาม
ทั้งนี้ มูดีส์เป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายล่าสุดที่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซ หลังจากเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซไปแล้ว รวมทั้งให้แนวโน้มเป็นลบ
ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า บีโอเจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.1%
ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BIS) ระบุว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปได้สร้างปัจจัยลบต่อนักลงทุน แม้ว่าขณะนี้การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจะบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวบ้างแล้วก็ตาม
โดย BIS กล่าวในรายงานรายไตรมาสว่า นักลงทุนต่างพุ่งความสนใจไปยังปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาในแง่บวก อาทิ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด 100,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 290,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ BIS ระบุว่า ในปี 2552 ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาลกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปน เป็นมูลค่ารวม 2.54 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 16 ของวงเงินกู้โดยรวม 1.58 ล้านล้านดอลลาร์ที่ปล่อยให้กับทั้งภาครัฐและเอกชนในกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปน