นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการหารือระหว่างภาคเอกชนกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เช้าวันนี้ว่า ทาง ธปท.ได้สรุปภาพรวมภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ให้รับทราบว่าเศรษฐกิจของไทยค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองไม่มากนัก แต่ ธปท.ยังมีความกังวลผลกระทบที่มีต่อท่องเที่ยวอยู่
ทั้งนี้ ธปท.ได้เตือนให้ภาคเอชนรู้ว่าจะมีการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากที่ใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำมานาน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อแม้จะยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เริ่มขยับขึ้นมาแล้ว ในส่วนค่าเงินบาท จากที่ได้มีการพูดคุยกันวันนี้ได้รับการชี้แจงว่าค่าเงินบาทองไทยแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งและคู่ค้าไม่มากนัก แต่ในส่วนของภาคเอกชนอยากให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งให้มากที่สุด
ด้านนายสมมาตร ขุนเศษฐ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ธปท.ระบุว่ามี 2 ปัจจัยที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทย คือ ปัยหาเศรษฐกิจในยุโรปและปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งภาคเอกชนก็มอง 2 ปัจจัยนี้เป็นปัญหาสำคัญเช่นกัน แต่ก็ให้ความสำคัญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานมากกว่า
ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท หากแข็งค่าอาจจะกระทบต่อการส่งออก ทำให้รายได้ในรูปเงินบาทลดลง
"ก็ฝากแบงก์ชาติดูแลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทางแบงก์ชาติก็ดูแลอยู่...คาดว่ามูลค่าการส่งออกปีนี้น่าจะใกล้เคียงปีก่อน"
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ธปท.จะมีการขยับขึ้น ทางภาคเอกชนขอให้มีกาปรรับขึ้นในช่วงปลายปีถึงต้นปีหน้า เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต้นทุนการผลิต รวมถึงมีผลกระทบกับประชาชนด้วย
นายสมมาตร กล่าวว่าระหว่างอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยมากกว่า เพราะแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น แต่ไทยยังได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าเกษตร