นายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การซื้อดาวเทียมไทยคมคืนจากลุ่มเทมาเซค ประเทศสิงคโปร์นั้นจำเป็นต้องพิจารณารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นอายุสัญญาสัมปทาน ตลอดจนรูปแบบการใช้งานของดาวเทียม โดยยืนยันว่ารัฐบาลประสงค์จะได้ดาวเทียมไทยคมกลับมาดำเนินการ แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะดาวเทียมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ บมจ.ไทยคม(THCOM) ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงการคลังต้องพิจารณาอย่างละเอียด
"รัฐบาลมีความประสงค์ในส่วนของดาวเทียม แต่ดาวเทียมเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทไทยคม ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจในบริษัทอื่นๆ ด้วย เช่น ธุรกิจมือถือที่ลาว ธุรกิจอินเตอร์เน็ต เราต้องดูถึงวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษา" นายศิริโชค กล่าว
สำหรับรูปแบบที่จะซื้อดาวเทียมไทยคมคืนนั้น นายศิริโชค กล่าวว่า ต้องพิจารณาว่ารัฐบาลมีความประสงค์จะต้องการซื้อเฉพาะดาวเทียมไทยคม หรือจะซื้อดาวเทียมไทยคมพ่วงกับไอพีสตาร์ หรือจะซื้อดาวเทียมไทยคมและไอพีสตาร์รวมถึงอายุสัญญาสัมปทานที่ยังเหลือทั้งหมด ทั้งนี้หากซื้อทั้ง บมจ.ไทยคม ก็ต้องพิจารณาต่อว่ารัฐบาลต้องการบริหารจัดการเฉพาะดาวเทียมแล้วขายกิจการอื่นๆ ในบมจ.ไทยคม ออกไปหรือไม่นั้น ซึ่งเป็นเรื่องต้องใช้เวลาในการพิจารณา
ส่วนแนวทางที่รัฐบาลอาจจะได้ดาวเทียมคืนมาโดยไม่ต้องเสียเงินหากเป็นกรณีที่ บมจ.ไทยคม กระทำการขัดต่อกฎหมายนั้น นายศิริโชค กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่รัฐบาลจำเป็นต้องทำคู่ขนานกันไป ทั้งที่จะให้กระทรวงการคลังไปดูรูปแบบการลงทุน ส่วนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) จะไปดูในแง่การละเมิดข้อกฎหมาย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาพิจารณาผ่านกระบวนการทางศาลเป็นเวลานาน จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องไปพิจารณาดูว่าจะคุ้มค่าหรือไม่หากจะรอให้มีคำตัดสินจากศาลออกมาก่อน
นายศิริโชค กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าดาวเทียมที่จะตกลงราคาซื้อขายกันได้ โดยต้องรอให้กระทรวงการคลังไปประเมินก่อน พร้อมยืนยันว่าความประสงค์ที่ต้องการซื้อดาวเทียมไทยคมกลับมานั้น เป็นแนวคิดตั้งแต่สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นแนวคิดที่เกิดหลังจากการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดงแล้ว แต่ยอมรับว่าการที่ บมจ.ไทยคมปล่อยให้มีการเชื่อมสัญญาณกับสถานีโทรทัศน์พีทีวีก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบต่อความมั่นคง