"รสนา"เบรกรัฐขึ้นราคา LPG แนะผลักภาระกลุ่มอุตฯปิโตรเคมีรับผิดชอบค่าชดเชย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 15, 2010 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ในฐานประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกร้องให้รัฐบาลยุติแนวคิดที่จะปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และก๊าซเอ็นจีวี รวมทั้งการใช้เงินกองทุนน้ำมันชดเชยการนำเข้าก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี โดยทางกมธ.มีข้อเสนอข้อเท็จจริงเพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำไปจัดการปัญหา

นส.รสนา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีเป็นผู้ใช้ที่ทำให้ปริมาณก๊าซแอลพีจีที่ผลิตได้ในอ่าวไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนโดยรวม จึงควรให้กลุ่มปิโตรเคมีเป็นผู้รับผิดชอบค่าชดเชยการนำเข้าก๊าซแอลพีจีมาจำหน่ายในราคาต่ำกว่าตลาดโลก ไม่ใช่ผลักภาระให้ประชาชน และการที่รัฐบาลนำเงินกองทุนน้ำมันไปชดเชยการนำเข้าก๊าซแอลพีจีเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน

รัฐบาลต้องควบคุมราคาก๊าซแอลพีจีที่จำหน่ายให้กับประชาชน ทั้งภาคครัวเรือนและยานยนต์ในระดับที่เหมาะสม ไม่ปล่อยให้ราคาก๊าซลอยตัวตามราคาตลาดโลก เนื่องจากปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ขุดเจาะได้ในประเทศมีปริมาณเพียงพอที่ผลิตก๊าซแอลพีจีเพื่อรองรับต่อความต้องการอยู่แล้ว

ส่วนกรณีของก๊าซเอ็นจีวีที่ บมจ. ปตท. (PTT) เสนอว่าให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น 6 บาท โดยให้ประชาชนแบกรับภาระเพิ่มขึ้นอีก 4 บาทนั้น ซึ่งจะจ่ายหน้าปั๊ม 2 บาท และจ่ายผ่านกองทุนน้ำมัน 2 บาท ทั้งที่ ปตท.ไม่มีกลไลการแข่งขันอย่างเป็นธรรมตามกลไลตลาดเสรีในการผลิตและการจำหน่าย ไม่เคยเสนอราคาที่เป็นธรรมว่าควรเป็นจำนวนเท่าไหร่

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องทวงคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติจาก ปตท.ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้ครบถ้วนตามการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หากกระทรวงการคลังไม่จัดการทวงคืนทรัพย์สินดังกล่าว ทางกมธ.จะฟ้องร้องกระทรวงการคลังต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลควรต้องส่งเสริมการมีธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของเจ้าพนักงานของรัฐกับบทบาทกรรมการบริษัทเอกชนด้านพลังงาน ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาพลังงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ