นางวาสนา มุทุตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือการลงทุนต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอเตรียมนำคณะนักธุรกิจไทยเดินทางสำรวจโอกาสการลงทุนและการค้าของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ กรุงเวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 21 ถึง 23 มิ.ย. 2553 เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของลาว โดยได้รับความร่วมมือจากหอการค้าลาวในการหารือเรื่องขอบเขตการค้าการลงทุนไทย-ลาว และยังได้หารือกับสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอลาว เรื่องโอกาสและลู่ทางการลงทุนด้านสิ่งทอของไทยในลาว ซึ่งอุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพด้านการผลิต เพื่อต่อยอดสร้างเครือข่ายธุรกิจและศึกษาโอกาสการลงทุนให้กับผู้ประกอบการไทยต่อไป
ไฮไลท์สำคัญคือ นักธุรกิจลาวจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ การท่องเที่ยว การขนส่ง เสื้อผ้าและการเกษตรตอบรับร่วมประชุมโต๊ะกลมกับผู้ประกอบการไทยที่เดินทางไปลาวในครั้งนี้ ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลรวมทั้งคำแนะนำที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการไทยมาเผยแพร่ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของไทยในลาวมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในลาวมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยมูลค่าเงินลงทุนสะสมของไทยที่เข้าไปลงทุนในลาวตั้งแต่ปี 2543 — 2552 มีมูลค่า 2,649.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แยกเป็นจำนวนโครงการได้ 241 โครงการ ธุรกิจที่ไทยเข้าไปลงทุนในลาวได้แก่ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากน้ำและการก่อสร้าง กิจการด้านการเกษตร กิจการโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจการเกษตร
ปัจจุบัน ลาวเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมาก เพราะมีปัจจัยเกื้อหนุนอย่างทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบ เช่น เหล็ก ทองคำ ทองแดง และถ่านหิน ที่สำคัญคือ แหล่งน้ำของลาวมีเพียงพอสำหรับระบบชลประทานที่จะเข้าไปหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรด้วย นอกจากนั้นลาวยังมีภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่ตลาดใหญ่ เช่น จีน เวียดนาม และไทย โดยนักลงทุนที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในลาวจะสามารถส่งสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ ได้สะดวก