แปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนพันธบัตรรายใหญ่สุดของโลกระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า และมีแนวโน้มว่าจะยังคงเคลื่อนไหวได้ต่ำกว่าระดับสูงสุดในปี 2550 อยู่ 40%
พิมโคเปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ว่า ขณะนี้เม็ดเงินมูลค่ากว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในด้านอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลกระทบต่อตลาด ในขณะที่ผู้ปล่อยเงินกู้ต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลงต่ำกว่าระดับเงินกู้ และจากสถานการณ์เช่นนี้จะยิ่งทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลดลงต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปี
นอกจากนี้ แม้ว่าเม็ดเงินที่ไหลกลับเข้าสู่ภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นปัจจัยที่ช่วยยับยั้งการร่วงลงของมูลค่าสินทรัพย์ในตลาดดังกล่าว แต่มุมมองตลาดในแง่บวกกลับลดน้อยลง เนื่องจากดัชนีบ่งชี้ราคาอสังหาริมทรัพย์มักจะผิดเพี้ยนไปเมื่อการทำธุรกรรมเกิดขึ้นในวงจำกัด
ทั้งนี้ จากอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับการปรับเปลี่ยนมาตรการกำกับดูแล และอัตราการออมที่มากขึ้นล้วนเป็นปัจจัยที่จะทำให้มูลค่าบ้านเผชิญกับวัฏจักรขาลงยาวนานออกไปอีก และยังบดบังการฟื้นตัวของมูลค่าสินทรัพย์ในตลาดดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐต่างถูกบีบเรื่องมาตรการปล่อยสินเชื่อ ที่ต้องคำนึงถึงตัวเลขขาดทุนด้านบัญชีเงินกู้สำหรับการก่อสร้าง ดังนั้น วัฏจักรขาลงของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์จะยังคงเกิดขึ้นยาวนานกว่าเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ ดังนั้น จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ตลาดจะเคลื่อนไหวเป็นรูปตัววี
นอกจากนี้ พิมโคกล่าวทิ้งท้ายว่า ราคาสินทรัพย์อาจยังไม่สามารถกลับไปไต่ระดับขึ้นเท่ากับจุดสูงสุดเมื่อปี 2550 ได้จนกว่าจะถึงปี 2563 ดังนั้น การรักษาวินัยอย่างเคร่งครัดในการประเมินระดับสินทรัพย์และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง