นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์ ว่า จากการเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งปีงบประมาณ 53 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 7-16 มิ.ย.53 สรุปเบื้องต้นมีประชาชนจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์วงเงินประมาณ 80,700 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 119,000 ราย วงเงินเฉลี่ยรายละ 700,000 บาท
สำหรับเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรครั้งนี้จะนำไปรีไฟแนนซ์เงินกู้ระยะสั้นเดิมที่ได้มีการนำไปใช้ในโครงการไทยเข้มแข็ง แม้การขายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้น วงเงินส่วนที่เหลือที่ขายไม่หมดอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินแทน ซึ่งมีเวลาชำระหนี้ 2 ปีที่ได้กู้เงินไว้ก่อนหน้านี้ ยังเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปีจะมีการรีไฟแนนซ์เงินกู้ได้
"วงเงิน 1 แสนล้านบาท เราก็คาดไว้แล้วว่าน่าจะขายไม่หมด แต่ก็เป็นเรื่องดีที่จะทำให้ต้นทุนเราลดลง แต่ก็น่าดีใจที่ยอดเฉลี่ยคนซื้อพันธบัตรครั้งนี้สูงกว่าครั้งที่แล้ว"นายจักรกฤศฎิ์ กล่าว
ผู้อำนวยการ สบน.กล่าวว่า หลังการออกพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้แล้ว ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่มีแผนจะมีการออกพันบัตรออมทรัพย์ครั้งที่ 3 อีก ขณะที่การกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการลงทุนไทยเข้มแข็งจะเป็นการกู้เงินในลักษณะ bridge finance โดยกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์
ด้านธนาคารกสิกรไทย(KBANK)สรุปผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง มียอดจองซื้อผ่านธนาคารจำนวนรวมทั้งสิ้น 13,419 ล้านบาท และลูกค้าที่ได้รับการจัดสรรมีจำนวนทั้งสิ้น 18,374 ราย โดยธนาคารได้รับการจัดสรรให้เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรจำนวนทั้งสิ้น 14,000 ล้านบาท