นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมฯ วาระปี 53-55 ว่า จะส่งเสริมภาคการผลิตด้วยการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตและการรวมตัวกันในลักษณะคลัสเตอร์ เสริมสร้างศักยภาพกลุ่มอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมจังหวัด เอสเอ็มอี ให้สามารถแข่งขันได้ และรณรงค์และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ความรับผิดชอบต่อสังคม สุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปสู่เมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์(Eco-Industrial Town)
พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนในการสะท้อนปัญหาข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศในด้านต่างๆ ต่อภาครัฐ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเสริมสร้างความสามัคคีและการร่วมมือ เพื่อพัฒนาองค์กรส.อ.ท.ให้มีความเข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับของสังคมมากยิ่งขึ้น
สำหรับด้านยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม 6 ด้านนั้น จะได้รับการผลักดันให้เชื่อมโยงและบูรณาการกับยุทธศาสตร์ของ ส.อ.ท. ทั้งจากยุทธศาสตร์กลุ่มอุตสาหกรรม และยุทธศาสตร์จังหวัดและภูมิภาค ได้แก่ 1.พัฒนาอุตสาหกรรมไทยในแนวทางการสร้างมูลค่า(Value Creation)ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม 2.การพัฒนาอุตสาหกรรมให้อยู่ร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน 3.การพัฒนาการดำเนินธุรกิจในรูปแบบคลัสเตอร์และซัพพลายเชน 4. มาตรการเชิงรุกในเวทีโลกหลังเปิดเอฟทีเอ 5.การสนับสนุนปัจจัยเอื้อต่อการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม และ 6.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
ส่วนภารกิจและแผนงานหลักในการดำเนินงานของ ส.อ.ท.วาระปี 53-55 ประกอบด้วย 13 ด้านหลักๆ ดังนี้ 1.การค้า การส่งออกและการลงทุน ที่จะมีมาตรการเชิงรุกในการใช้ประโยชน์จากการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ในกรอบต่างๆ เพื่อขยายตลาดใหม่เพื่อส่งออก 2.รณรงค์แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและชุมชนอย่างยั่งยืน เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์(Eco Industrial Town)ให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยรวมทั้งติดตามและสนับสนุนการผลักดันนโยบายของรัฐ เช่น ระบบสาธารณูปโภค โลจิสติกส์และผังเมือง
3. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้สินค้าเกิดมูลค่าเพิ่ม 4. พัฒนาการดำเนินการธุรกิจในรูปแบบคลัสเตอร์และห่วงโซ่การผลิต 5. สนับสนุนการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม 6. เน้นความเป็นบรรษัทภิบาลในการดำเนินธุรกิจ 7. ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พลังงาน และน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและการเกษตร 8. ดูแลให้ความรู้เรื่องกฎหมายและภาษีกับสมาชิก
9. หารายได้เพื่อเป็นทุนในการดำเนินงาน 10. พัฒนาบุคลากรของ ส.อ.ท.เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง 11. ปรับระบบงานของ ส.อ.ท.ให้สอดคล้องกับภารกิจหลักให้มีความเด่นชัดมากขึ้น 12.สร้างความเชื่อมโยง ความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรม และ 13. ทำฐานข้อมูลอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ
ภาระกิจหลักที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือเร่งสร้างความกลมเกลียว และเน้นความร่วมมือระหว่างสมาชิก ในกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 39 กลุ่ม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งเน้นการทำงานที่จะประสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกส่วนให้มากขึ้น เพื่อผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย การค้า และการส่งออกให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเร่งสานต่อในการสนับสนุนแนวทางรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้หรือ เซาท์เทิร์นซีบอร์ด และการแก้ไขปัญหาในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นต้น