นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 8 เดือนแรก ปีงบประมาณ 53(ต.ค.52-พ.ค.53) ว่ารัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 957,330 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 26.1% โดยเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีบนฐานการบริโภคและการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน, ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีสรรพสามิตรถยนต์, อากรขาเข้า และการรับโอนเงินจากคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 49,016 ล้านบาท
ในขณะที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 1,203,509 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 5.6% เนื่องจากในเดือนพ.ค.53 มีการหยุดราชการมากกว่าปกติจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 246,179 ล้านบาท เมื่อรวมกับการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 72,059 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดดุลเงินสดรวม 318,238 ล้านบาท
และรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 212,572 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดหลังกู้ทั้งสิ้น 105,666 ล้านบาท โดยมีเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพ.ค.53 จำนวน 188,170 ล้านบาท
"แม้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้และการเบิกจ่ายในเดือนพฤษภาคม แต่กระทรวงการคลังยังมั่นใจว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ 2553 จะสามารถกระตุ้นการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ฐานะการคลังของรัฐบาลยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง" ผู้อำนวยการ สศค.กล่าว