นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า การนำเข้าน้ำมันในเดือนพ.ค.53 มีปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบ 4,042 ล้านลิตร หรือ 820,000 บาร์เรล/วัน คิดเป็นมูลค่า 68,547 ล้านบาท ลดลง 15.3% จากเดือนเม.ย.53 และมูลค่าลดลง 8.3% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.8% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 41.7%
ส่วนการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปปริมาณ 334 ล้านลิตร หรือ 68,000 บาร์เรล/วัน คิดเป็นมูลค่า 4,557 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 38.8% จากเดือนเม.ย.53 และมูลค่าเพิ่มขึ้น 36.8% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปริมาณเพิ่มขึ้น 160.5% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 332.1%
ด้านการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือนพ.ค.53 มีปริมาณส่งออก 819 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 14,244 ล้านบาท ลดลง 12.6% จากเดือนเม.ย.53 และมูลค่าลดลง 8% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณลดลง 31.8% และมูลค่าลดลง 11.1%
ส่วนการนำเข้าก๊าซ LPG ในเดือนพ.ค.53 มีการนำเข้าแอลพีจี 177,110 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4,412 ล่านบาท เพิ่มขึ้น 41.2% จากเดือนเม.ย.53 และมูลค่าเพิ่มขึ้น 42.6% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปริมาณเพิ่มขึ้น 164.9% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 357.3%
สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ในเดือนพ.ค.53 ประกอบด้วย ปริมาณการใช้ LPG ในเดือนพ.ค.53 อยู่ที่ระดับ 444,000 ตัน หรือเฉลี่ย 14.3 ล้านกก./วัน ลดลง 0.8% จากเดือนเม.ย.53 แม้ว่าการใช้ LPG จะลดลง แต่เนื่องจากในเดือนพ.ค.นี้มีโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 2 และโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 1 ของ ปตท.ที่ปิดซ่อมบำรุงช่วงวันที่ 6 -10 พ.ค. และ 18 พ.ค.-11 มิ.ย.53 ตามลำดับ ทำให้ปริมาณ LPG ในประเทศมีไม่เพียงพอใช้จึงจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ส่วนการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินในเดือนพ.ค.53 มีการใช้รวม 19.348 ล้านลิตร/วัน ลดลง 4.4% จากเดือนเม.ย.53 และลดลง 8% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ด้านการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีการใช้รวม 11.160 ล้านลิตร/วัน ลดลง 6.6% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนลดลง 10.6%
การใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเดือนพ.ค.53 มีปริมาณ 51.464 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.4% จากเดือนเม.ย.52 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลง 3.9%
ขณะที่การใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(NGV)เดือนพ.ค.53 อยู่ที่ 4.645 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 52 และเพิ่มขึ้น 32.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน
นายพีระพล กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค.53 ซึ่งมีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพฯ ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณจำหน่ายน้ำมันและ LPG ของสถานีบริการในพื้นที่ที่เกิดการจลาจลและพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่เกิดเหตุจำนวน 107 แห่ง แต่มีปริมาณจำหน่ายของสถานีบริการจำนวน 27 แห่ง ในพื้นที่ดังกล่าวเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ปรับตัวลดลงจากช่วงภาวะปกติที่ระดับ 11 ล้านลิตร/เดือน มาเหลือเพียง 9 ล้านลิตร/เดือน และ 8 ล้านลิตร/เดือน หรือลดลงถึง 16% และ 27% ตามลำดับ
ทั้งนี้มีสถานีบริการก๊าซ LPG จำนวน 23 แห่ง มียอดขายลดลงและบางแห่งต้องหยุดจำหน่าย เพราะมีคำสั่งห้ามผู้ประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงขนส่งน้ำมัน และ LPG เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 14-21 พ.ค.53 ประกอบกับรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกจากบ้านพักอาศัยในเวลากลางคืน ทำให้การใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินและ LPG ลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชน ทำให้การใช้น้ำมันในภาพรวมของประเทศเดือนพ.ค.53 ปรับตัวลดลง