ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วงเทียบดอลล์ ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด

ข่าวต่างประเทศ Tuesday June 22, 2010 07:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป ขณะที่กระแสการตอบรับข่าวการปรับค่าเงินหยวนของจีนเริ่มแผ่วลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 23 มิ.ย. รวมทั้งติดตามการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.49% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2323 ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2384 ดอลลาร์ และเงินปอนด์ร่วงลง 0.49% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.4754 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4826 ดอลลาร์

ค่าดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.36% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.000 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 90.670 เยน และดีดตัวขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1121 ฟรังค์ จากระดับ 1.1082 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.56% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8769 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.8720 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7086 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7065 ดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงเช้านั้น ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจปรับเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของจีนอาจปูทางไปสู่การปรับขึ้นค่าเงินหยวนในวันข้างหน้า ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจโลก แต่ต่อมากระแสการตอบรับข่าวการปรับค่าเงินหยวนเริ่มแผ่วลง จึงทำให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินยูโร

โรเบิร์ต มันเดลล์ นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่จีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นนั้น อาจจะส่งผลบั่นทอนเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมกับตั้งข้อสังเกตุว่าการที่จีนออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับเงินหยวนให้ยืดหยุ่นมากขึ้นครั้งนี้ อาจเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง

นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 23 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ 0 - 0.25% และจับตาดูแถลงการณ์การประเมินเศรษฐกิจของเฟด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาสแรกปีนี้ และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐมีแนวโน้มร่วงลง 19% มาอยู่ที่ระดับ 410,000 ยูนิต/ปี และคาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากการขยายตัวด้านการลงทุนในภาคเอกชนและยอดขายในต่างประเทศจะช่วยกระตุ้นดีมานด์สินค้าทีมีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี รวมถึงคอมพิวเตอร์และเครื่องจักร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ