ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดฉากการประชุมด้านนโยบายเป็นเวลา 2 วันในวันนี้ ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ที่ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจเป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ภาวะผันผวนในตลาดวอลล์สตรีท ท่าทีระมัดระวังของผู้บริโภค ภาวะเปราะบางในตลาดที่อยู่อาศัย และอัตราว่างงานที่ยืนอยู่ในระดับสูง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้เท่าเดิมที่ 0 - 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและเงินกู้สำหรับผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงกิจกรรมด้านการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่ง ขณะที่ภาคธุรกิจก็มีการใช้จ่ายมากขึ้น นอกจากนี้ เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่กลับไปเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงเหมือนเมื่อก่อน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เฟดจะกลับมาดำเนินการซื้อหลักทรัพย์ในระดับเดียวกับที่เคยเข้าซื้อในช่วงที่สหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์การเงิน โดยเมื่อวันที่ 4 ก.พ. คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ประกาศปิดโครงการจัดหาสภาพคล่องฉุกเฉิน รวมทั้งชะลอการเข้าซื้อหลักทรัพย์และตราสารหนี้ และปล่อยให้โครงการซื้อหลักทรัพย์สิ้นสุดลงภายในไตรมาสแรกของปีนี้