นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 53 คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 4-5% แต่ช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัวมาก และสิ่งที่น่าเป็นห่วงในช่วงครึ่งปีหลัง คือระบบการเงินที่ภาคการเงินโลกมีความผันผวนมาก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท
แม้ขณะนี้ที่จีนจะปรับค่าเงินหยวนจะช่วยลดแรงกดดันไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก แต่ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะของหลายประเทศในยุโรปที่อาจมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐด้วย ดังนั้น คงต้องรอติดตามผลการประชุมจี 20 ที่อาจมีมาตรการดูแลสถาบันการเงินในยุโรปที่มีความเข้มงวดมากขึ้น และอาจทำให้ระบบการควบคุมสถาบันการเงินเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบใหม่ได้
สำหรับปัญหาราคาน้ำมัน อาจมีแนวโน้มสูงขึ้นจะเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก หลังจากเกิดปัญหาน้ำมันรั่วที่อ่าวเม็กซิโก เห็นได้จากบริษัทบีพีที่เป็นบริษัทใหญ่มีมาร์เก็ตแค็บ 2 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงเหลือ 1 แสนล้านดอลลาร์เพียง 1 สัปดาห์ และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังบริษัทที่ลงทุนในบีพี
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในประเทศ มองว่าการเมืองมีมีผลกระทบโดยรวมมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการค้นหาความจริง จากสิ่งทีเกิดขึ้นในการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค. ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการทำงานของรัฐบาล แต่ยังมีเรื่องดีที่มีการตั้งคณะทำงานกรรมการตรวจสอบที่มีนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุดมาดูแล แต่เวลาที่ใช้ตรวจสอบนาน 6 เดือนเห็นว่าช้าเกินไป
นอกจากนี้ ปัญหาการทำงานของภาครัฐ ขณะนี้ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ยังมีภาคอื่นๆ ทั้งภาคการเงิน ภาครัฐวิสาหกิจแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยนั้น ครึ่งปีแรกภาคการส่งออกขยายตัวได้ดีมาก โดย 5 เดือนแรก ขยายตัว 35% ทำให้คาดว่ารายได้การส่งออกในปี 53 จะอยู่ระดับใกล้เคียงปี 51 ที่ 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น โดยในเดือน เม.ย.53 ปรับตัวขึ้น 12% และเฉลี่ย 4 เดือนแรกราคาปรับขึ้น 13%