เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค (Merrill Lynch & Co.) และ แคปเจมิไน เอสเอ (Capgemini SA) เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีจำนวนมหาเศรษฐีเท่ากับภูมิภาคยุโรปเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ.2552 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เอเชียเป็นผู้นำในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยรายงานความมั่งคั่งโลกประจำปีครั้งที่ 14 (14th annual World Wealth Report) ระบุว่า จำนวนผู้ที่มีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมูลค่าอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเอเชียแปซิฟิก เพิ่มขึ้น 26% แตะที่ 3 ล้านคนในปี 2552 เท่ากับยุโรปและเกือบเทียบเท่าอเมริกาเหนือที่มี 3.1 ล้านคน
ด้านจำนวนครัวเรือนมหาเศรษฐี หรือครัวเรือนที่มีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ไม่นับรวมที่อยู่อาศัยพื้นฐาน ขยายตัวแตะ 10 ล้านครัวเรือนทั่วโลก จาก 8.6 ล้านครัวเรือนในปีก่อนหน้า
สินทรัพย์รวมของมหาเศรษฐีในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 31% แตะที่ 9.7 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ขณะที่สินทรัพย์รวมของมหาเศรษฐีในอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 18% แตะที่ 10.7 ล้านล้านดอลลาร์
สำหรับสินทรัพย์รวมของมหาเศรษฐีทั่วโลกเพิ่มขึ้น 19% แตะที่ 39 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2552 หลังจากที่ร่วงลงกว่า 19% ในปี 2551 อันเป็นผลมาจากวิกฤตสินเชื่อ
เมื่อพิจารณาตามประเทศ สหรัฐอเมริกามีมหาเศรษฐีมากที่สุดที่ 2.87 ล้านคน ตามมาด้วยญี่ปุ่นที่ 1.65 ล้านคน และเยอรมนีที่ 861,500 คน ซึ่งมหาเศรษฐีในสามประเทศมีสัดส่วน 53.5% ของมหาเศรษฐีทั่วโลก ขณะที่จำนวนมหาเศรษฐีในฮ่องกงพุ่งถึง 104% และในอินเดียทะยานขึ้น 51%