GBX คาดเห็นราคาทองทำนิวไฮพุ่งแตะ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ใน Q4/53

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 23, 2010 13:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์(GBX)กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำว่า มองจุดสูงสุดทั้งปี 53 ไว้ที่ระดับ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 21,400 บาท/บาททอง เพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปลายปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/53 ที่เป็น High Season ของราคาทองคำ

สาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากนักลงทุนและบรรดากองทุนต่างๆหันมาใช้ทองคำเป็นแหล่งพักเงินชั้นดี(Safe Haven)มากขึ้น หลังจากปัญหาหนี้สินล้นระบบของประเทศในแถบยุโรปส่อแววว่าจะก่อตัวเป็นวิกฤตการณ์ทางการเงินรอบ 2 โดยผลทั้งหมดได้สะท้อนมาที่การเพิ่มสถานะถือครองทองคำอย่างหนักของกองทุน SPDR Gold Trust จำนวนกว่า 170 ตัน นับตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 53 ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน หากมองในด้านของวัฏจักรของราคาทองแล้ว ราคาทองคำรอบนี้ยังเป็นขาขึ้น เพราะหากพิจารณาจากวัฏจักรของราคาทองในอดีตไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงจะพบว่าวัฏจักร 1 รอบที่นับจากจุดต่ำสุดไปถึงสูงสุดสำหรับขาขึ้น หรือจากจุดสูงสุดไปหาจุดต่ำสุดสำหรับขาลง จะใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 ปี ซึ่งขณะนี้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 11 ปี จึงเป็นไปได้สูงที่ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาทองคำจะมีการพักฐานลงรอบใหญ่ตามปัจจัยทางด้านฤดูกาลในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ที่เป็น Low Season ของ Jewelry Demand (ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนในทองคำเดือน ก.ค.และ ส.ค.อยู่ในระดับต่ำที่ -0.35% และ 0.75% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า) โดยมองจุดต่ำสุดของรอบการพักฐานที่จะเกิดขึ้นไว้ที่ 1,140-1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 17,500 บาท/บาททอง ซึ่งนักลงทุนน่าจะใช้โอกาสในช่วงที่ราคาหลุดแนวระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ เข้าทยอยสะสมเพื่อเก็งกำไรไว้รอขายในช่วงไตรมาส 4/2553

สำหรับราคาทองคำในไตรมาส 2/53 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/53 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นแรงถึง 36.2% ซึ่งถือว่าเหนือความคาดหมายเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำในไตรมาส 2 ถือได้ว่าเป็นช่วงที่อ่อนแอสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 1.44% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งต่ำกว่าไตรมาส 1, 3, และ 4 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.91%, 4.57%, และ 5.29% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามลำดับ ขณะที่ผลตอบแทนที่เคยทำได้สูงสุดก็ไม่มากนัก เพียง 5.04% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (เกิดขึ้นในปี 44) จึงถือได้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไตรมาส 2 ปีนี้ มีความร้อนแรงผิดแปลกแตกต่างไปจากกรณีปกติที่ถือว่าเป็นช่วง Low Season โดยสิ้นเชิง

“พอมีข่าวออกมาว่าหลายประเทศในกลุ่ม PIIGS คือ โปรตุเกส, อิตาลี, ไอน์แลนด์, กรีซ, และสเปน ถูกลดอันดับเครดิตลง โดยเฉพาะกรีซที่ถูกลดอันดับเครดิตลงสู่ระดับขยะ (Junk Bond) ก็ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลมากขึ้นว่า ปัญหานี้อาจสะเทือนไปยังประเทศอื่นในแถบยุโรปหรือภาคสถาบันการเงินในไม่ช้า ขณะเดียวกัน การปรับลดงบประมาณรายจ่ายอย่างเข้มงวดของรัฐบาลหลายประเทศในยุโรป เพื่อลดภาวะขาดดุลงบประมาณให้กับเข้าสู่ระดับมาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนดประมาณ 3% ของ GDP ก็มีโอกาสทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอ ตัวลงอย่างหนักในอนาคตได้เช่นกัน"นายณัฐพล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ