คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุม ว่า จากข้อมูลที่คณะกรรมการเฟดได้รับเมื่อไม่นานมานี้ บ่งชี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ 'ยังคงดำเนินต่อไป' ขณะที่ตลาดแรงงานค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ในส่วนของตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนนั้น ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลมีการขยายตัวปานกลาง และการปล่อยกู้ของภาคธนาคารยังคงปรับตัวลดลง
ส่วนการใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์สำนักงานและซอฟท์แวร์ของบริษัทเอกชนนั้น ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การลงทุนโดยรวมยังคงซบเซา และกลุ่มนายจ้างยังคงไม่มั่นใจที่จะเพิ่มการจ้างงาน ขณะที่ตัวเลขการสร้างบ้านยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล
เฟดยังกล่าวด้วยว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น พร้อมกับชี้ว่าสภาวะในตลาดการเงินกำลังส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราการปล่อยกู้ของภาคธนาคารหดตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เฟดคาดว่าราคาสินค้าเริ่มมีเสถียรภาพเนื่องจากอัตราการนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ (resource utilization) ปรับตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทำให้เฟดเชื่อมั่นว่าแม้เศรษฐกิจฟื้นตัว หรือ เริ่มมีเสถียรภาพ แต่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆปรับตัวลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มลดลง
"จากข้อมูลที่เฟดรวบรวมได้ทั้งหมดนี้ ทำให้คณะกรรมการเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0 - 0.25% และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ เฟดจะติดตามดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความคืบหน้าในตลาดการเงินต่อไปอย่างใกล้ชิด และอาจจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายหากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็น" แถลงการณ์ของเฟดระบุ สำนักข่าวซินหัวรายงาน