นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประทศไทย (TDRI) กล่าวว่า จากการศึกษาเรื่องการปฏิรูปภาคการบริการเงินไทยในบริบทของความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปแบบทวิภาคีและภูมิภาค เห็นว่าประเทศไทยควรมีการเปิดเสรีทางการเงินมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการบริการทางการเงินของสถาบันการเงิน
เนื่องจากต้นทุนการใช้บริการทางการเงินของไทยสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ เห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยสุทธิของไทยที่สูงกว่าประเทศอื่น และโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้ามีต้นทุนสูงถึง 20-30% ซึ่งสถาบันการเงินไทยอ้างว่ามาจากต้นทุนที่สูงและจากปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภค TDRI จึงเห็นว่าการคิดค่าธรรมเนียมทางการเงินควรสะท้อนตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะปัจจุบันพบว่าธนาคารพาณิชย์มีการกำหนดค่าธรรมเนียมในอัตราที่เท่ากัน โดยอิงสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ซึ่งในความเป็นจริงสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีต้นทุนแตกต่างกัน เมื่อกำหนดอัตราเท่ากันจึงเป็นลักษณะการฮั้วกันโดยปริยาย เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนเงินควรมีการเปิดเผยค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้
นอกจากนั้น ยังพบว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นผู้ครอบงำตลาดสินเชื่อ
ส่วนรูปแบบการเปิดเสรีนั้น ควรดูแบบอย่างของมาเลเซียและสิงคโปร์ เนื่องจากทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จในการปฏิรูปทางการเงินให้มีความโปร่งใสและมีมาตรฐานสูง อีกทั้งควรให้มีการใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อป้องกันการผูกขาดของตลาด และควรเร่งศึกษาข้อดี ข้อเสียเลือกของกฎหมายต่างด้าวกรณีให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์มากขึ้น