ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วง หลังนลท.ซื้อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงกว่า

เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยินดีซื้อสกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่าดอลลาร์สหรัฐ เช่น ยูโร และ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่การเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในครั้งก่อน ไม่เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นมากนัก

เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.45% แตะ 1.2388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2333 ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้น 0.14% แตะ 110.59 เยน จากระดับ 110.44 เยน ขณะที่เงินปอนด์ดีดขึ้น 0.96% แตะที่ 1.5071 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4927 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.30% แตะ 89.270 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 89.540 เยน, ลดลง 0.84% แตะ 1.0927 ฟรังค์สวิส จากระดับ 1.1020 ฟรังค์สวิส และอ่อนค่าลง 0.71% แตะ 1.0358 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0432 ในวันก่อน

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่ง 0.99% แตะที่ 0.8754 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.8668 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.83% แตะที่ 0.7140 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7081 เมื่อวันก่อน

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยังไม่มีข่าวใหม่ๆจากฝั่งยุโรปในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้ความต้องการถือครองดอลลาร์เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงลดลง

ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 2.7% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3% อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปรับทบทวนจีดีพีลงยังไม่ถือเป็นข่าวลบพอที่จะกระตุ้นความต้องการให้นักลงทุนเข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าได้

นอกจากนี้ ในวันศุกร์ เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เมื่อเทียบกับเงินหยวน หลังธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนประจำวันที่ระดับ 6.7896 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับปัจจัยในสัปดาห์หน้านั้น จะมีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนมิ.ย. ซึ่งอาจส่งผลให้ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น

ส่วนเงินปอนด์อังกฤษแข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากแผนลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลผสมที่คาดว่าจะช่วยให้อังกฤษสามารถควบคุมหนี้สาธารณะที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้