นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ เรียกร้องให้ผู้นำกลุ่ม G-20 ใช้นโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะไม่ดำเนินไปอย่างล่าช้า พร้อมกับสนับสนุนให้กลุ่ม G-20 มุ่งเน้นการกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศแทนการลดยอดขาดดุลงบประมาณแต่เพียงด้านเดียว
ไกธ์เนอร์กล่าวในที่ประชุม G-20 ที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ว่า ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่และยุโรป จำเป็นต้องกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศให้แข็งแกร่ง แทนที่จะจดจ่ออยู่กับการลดยอดขาดดุลงบประมาณเพียงด้านเดียว เพราะการลดยอดขาดดุลในปริมาณที่มากเกินไปและยาวนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่จีนได้ประกาศใช้นโยบายการกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ และในส่วนของสหรัฐเองนั้น ก็กำลังดำเนินในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยการใช้นโยบายกระตุ้นการออมและการลงทุนภายในประเทศ
ทั้งนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวว่า ยังมีอีกหลายประเทศที่ใช้นโยบายที่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากถูกกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลก โดยเฉพาะกรีซและสเปน นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นสำคัญที่ที่ประชุม G-20 ครั้งนี้ให้ความสนใจ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุมผู้นำกลุ่ม G-20 ครั้งล่าสุดเป็นการประชุมภายใต้หัวข้อ "Recovery and New Beginnings" ที่มุ่งเน้นเรื่องการแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจขึ้นจากภาวะถดถอย การแก้ไขรากปัญหาต่างๆที่ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลก การฟื้นฟูงบการเงินสาธารณะ การปฏิรูประบบการเงินโลก การเสริมสร้างสถาบันการเงินระหว่างประเทศให้แข็งแกร่ง และการเปิดเสรีทั้งในด้านการค้าและการลงทุน
การประชุม G-20 ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการขยายขอบข่ายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและนโยบายระหว่างประเทศ และเป็นการสานต่อมติการประชุม G-20 ครั้งก่อนๆ โดยครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐ เมื่อเดือนพ.ย.2551 ส่วนครั้งที่สองจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนเม.ย.2552 และการประชุม G-20 ครั้งหลังสุดจัดขึ้นที่เมืองพิทซ์เบิร์ก ประเทศสหรัฐเมื่อเดือนก.ย.2552