นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า เจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตรียมเข้ามาเก็บข้อมูลเศรษฐกิจไทยในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยจะรวบรวมข้อมูลทางเศรษฐกิจทั้งจากกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนนำรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำเป็นรายงานประจำปีของไอเอ็มเอฟ ต่อไป
และหลังจากนั้น บริษัทจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามารวบรวมข้อมูลด้านเศรษฐกิจของไทยเช่นกัน เพื่อนำไปทบทวนอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการนัดหมายอย่างเป็นทางการ หลังจากมูดี้ส์ ได้เลื่อนการเข้าเก็บข้อมูลจากเดือน มิ.ย. เนื่องจากผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองช่วงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ทางการไทยมั่นใจว่าแนวโน้มพื้นฐานเศรษฐกิจไทยขณะนี้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งขึ้นมากและเครื่องชี้เศรษฐกิจหลายด้านดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยที่ปัญหาการเมืองช่วงที่ผ่านมา แม้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจแต่ก็น้อยมาก โดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทยที่ขยายตัวได้ดีมาก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
"ไอเอ็มเอฟเข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำรายงานประจำปี ซึ่งในส่วนของคลังจะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการคลังเป็นหลัง ส่วนมูดี้ส์ตอนนี้ยังไม่ได้มีการนัดหมายเวลาชัดเจนว่าจะมาเก็บข้อมูลเมื่อไร แต่เชื่อว่าแนวโน้มพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ดี และมีสัญญาณเชิงบวก แต่มูดี้ส์อาจยังไม่มีการปรับเครดิตให้ไทยในทันที" นายเอกนิติ กล่าว
นายเอกนิติ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/53 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าเศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% เนื่องจากได้รับหนุนหลักจากภาคการส่งออก โดยที่การเมืองส่งผลกระทบน้อย แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากปี 52 มีฐานที่สูง
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ สศค.จะมีการทบทวนอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 53 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตรา 4-5%