ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: วิตกสภาพคล่องแบงค์ยุโรป ฉุดยูโรร่วงเทียบดอลล์

ข่าวต่างประเทศ Tuesday June 29, 2010 07:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) หลังจากมีข่าวว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปกำลังเร่งเร่งระดมทุนเพื่อจ่ายคืนเงินกู้ให้กับธนาคารกลางยุโรป ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด ส่วนเงินฟรังค์แข็งค่าขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่สวิสระบุว่า การแข็งค่าของเงินฟรังค์ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.79% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2276 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2374 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินปอนด์ดีดขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.5106 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5063 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.420 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 89.210 เยน แต่ร่วงลง 0.54% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0867 ฟรังค์ จากระดับ 1.0926 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8722 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.8748 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.73% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7086 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7138 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนวิตกังวลเกี่ยวกับสถานะด้านการเงินของธนาคารพาณิชย์ในยุโรป เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต้องเร่งระดมทุนเพื่อชำระคืนหนี้มูลค่ารวม 4.42 แสนล้านยูโร หรือ 4.455 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สถานะเงินทุนและสภาพคล่องของธนาคารได้รับผลกระทบ

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.4% และอัตราการออมของผู้บริโภคพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป หรือ G-20 มีมติสนับสนุนการใช้มาตรการการคลังเพื่อลดยอดขาดดุลให้ได้ภายในปี 2556 และลดตัวเลขหนี้สาธารณะของรัฐบาลต่อหน่วยจีดีพีลงให้ได้ภายในปี 2559 ซึ่งอาจทำให้ประเทศกลุ่ม G-20 ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและขึ้นภาษีเพื่อลดยอดขาดดุล

นอกจากนี้ ที่ประชุม G-20 ยังขานรับสหภาพยุโรปที่เดินหน้าใช้กลไกสร้างเสถียรภาพในยุโรป รวมถึงการทดสอบสถานะทางการเงินของธนาคาพาณิชย์ และยังขานรับสภาคองเกรสสหรัฐที่ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปการเงิน ที่ครอบคลุมถึงการจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อคุ้มครองกลุ่มผู้บริโภคทางการเงิน จัดตั้งกระบวนการในการปิดบริษัทการเงินที่ประสบปัญหา และยกระดับมาตรฐานเงินกองทุนของธนาคาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติสินเชื่อแบบในปี 2550 - 2552 ขึ้นอีก

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมิ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะลดลง 110,000 ตำแหน่ง เนื่องจากการจ้างพนักงานชั่วคราวของภาครัฐในส่วนของงานสำมะโนประชากรมีแนวโน้มปรับตัวลดลง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ