ผลสำรวจที่จัดทำโดยธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ระบุว่า เกือบ 70% ของผู้ประกอบการมีแผนขยายการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งพวกเขาคาดว่ารายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศจะสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ เกือบ 2 ใน 3 ของผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางของจีนที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ และ 16% ของผู้ประกอบการกลุ่มนี้เปิดเผยว่า ธุรกิจในต่างประเทศกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัทเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยทั่วโลกที่ 25%
-- ทางการจีนกำลังพิจาณาปรับเพิ่มเพดานยอดรวมเงินเดือนที่จ่ายให้กับกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจผูกขาด ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลในการปรับลดส่วนต่างของรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนที่ขยายวงกว้างมากขึ้น
กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และสวัสดิการสังคม (MHRSS) ระบุในรายงานว่า ทางกระทรวงฯจะร่างมาตรการควบคุมการจ่ายเงินเดือนสำหรับผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจผูกขาดอย่างเข้มงวด
-- รายงานจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ธุรกิจให้บริการด้านการจัดจ้างของจีนมีแนวโน้มขยายตัวได้กว่า 40% ในปีนี้ และคาดว่ามูลค่าการทำสัญญาจัดจ้างในต่างประเทศของจีนอาจพุ่งสูงกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2553
-- ผู้แทนเจรจาจีนและไต้หวันลงนามในข้อตกลงกรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ (Economic Cooperation Framework Agreement หรือ ECFA) ที่เทศบาลนครฉงชิ่งช่วงบ่ายวานนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดน
ทั้งนี้ ข้อตกลง EFCA จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในหนึ่งวันหลังจากที่จีนและไต้หวันเสร็จสิ้นขั้นตอนการดำเนินงานตามกำหนดและมีการแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายรับทราบ
โดยภายใต้ข้อตกลงทั้ง 16 ข้อระบุว่า จีนและไต้หวันเห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดและยกเลิกข้อจำกัดทางการค้าและการลงทุน รวมถึงสร้างบรรยากาศทางการค้าที่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ข้อตกลงยังระบุถึงมาตรการสอดส่องดูแลการลงทุนข้ามดินแดนเพื่อกระตุ้นกระแสเงินหมุนเวียนของทั้งจีนและไต้หวันให้ดีขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน