นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) กล่าวว่า สถานการณ์ราคาไข่ไก่แพงในขณะนี้จะเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง พอเข้าสู่ฤดูฝนที่ความร้อนคลี่คลาย ความเสียหายของผลผลิตไข่ไก่จะลดลงและระดับราคาจะเข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด
ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไก่ไข่ต้องประสบความเสียหายจากวิกฤตไข้หวัดนกเมื่อปี 2547 รวมถึงปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนภาวะอากาศร้อนจัดแล้งจัดที่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้พยายามร่วมกันแก้ไขปัญหา ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในทางที่ดี
นายอดิเรก กล่าวอีกว่า ธุรกิจไข่ไก่เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เพียง 4% ของรายได้รวมทั้งหมดของซีพีเอฟ โดย 3% เป็นการดำเนินโครงการเพื่อสังคมใน 2 ส่วน ได้แก่ การทำฟาร์มของเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรายย่อยเลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย จำนวนกว่า 3,000 ครอบครัวให้สามารถดำรงชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การดูแลเอาใจใส่และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอย่างมีมาตรฐานของซีพีเอฟ
และอีกโครงการหนึ่งคือ โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารสามารถสร้างผลผลิตไข่ไก่ด้วยตนเอง และมีไข่ไก่รับประทานเป็นอาหารกลางวัน ช่วยลดปัญหาทุพโภขนาการของเด็กไทยได้แล้วกว่า 80,000 คน กว่า 320 โรงเรียน ตลอดจนทำให้เด็กไทยมีวิชาชีพเกษตรติดตัวใช้เลี้ยงชีพได้ในอนาคต ที่เหลือเป็นไข่ไก่ที่ขายภายใต้แพ็คแบรนด์ซีพี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การันตีคุณภาพผลิตภัณฑ์ถึงความปลอดภัยสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้าน ซีพี เฟรชมาร์ท และ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
ทั้งนี้ บริษัทได้ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์นำไข่ไก่ไปจำหน่ายในโครงการธงฟ้า ณ ห้างแม็คโคร บิ๊กซี และท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนนี้ เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคต่อปัญหาราคาไข่ไก่ด้วย
ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟก็ได้จัดกิจกรรม “คาราวานซีพีเอฟลดค่าครองชีพประชาชน"ด้วยตระหนักดีถึงภาระค่าครองชีพในปัจจุบัน จึงนำผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ไข่ไก่" ในพื้นที่ต่างๆ ล่าสุดมีกำหนดจะจัดขึ้น ณ สนามกีฬาพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ระหว่างวันที่ 1- 4 กรกฎาคม 2553 ตามด้วย จ.เชียงใหม่ อุดรธานี และ ราบ 11 กรุงเทพมหานคร เป็นลำดับต่อไป