สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 237 ต่อ 192 ผ่านร่างกฎหมายยกเครื่องระบบการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันเศรษฐกิจไม่ให้เผชิญกับวิกฤตการณ์การเงิน
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความพอใจที่ร่างกฎหมายปฏิรูปภาคการเงินดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า "กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นชัยชนะของชาวอเมริกันทุกคน และการปฏิรูปภาคการเงินจะช่วยให้ระบบการเงินของเรามีความโปร่งใสมากขึ้น"
ปัญหาต่างๆที่สหรัฐเรียนรู้จากวิกฤตการณ์การเงินในปี 2551 นั้น ทำให้กฎหมายฉบับนี้กำหนดข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับกิจกรรมการซื้อขายและการลงทุนด้านเฮดจ์ฟันด์ของธนาคาร นอกจากนี้ ยังเปิดทางให้รัฐบาลสามารถปิดกิจการสถาบันการเงินเสี่ยงต่อการล้มละลายได้ รวมทั้งการจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อคุ้มครองกลุ่มผู้บริโภคทางการเงิน จัดตั้งกระบวนการในการปิดบริษัทการเงินที่ประสบปัญหา และยกระดับมาตรฐานเงินกองทุนของธนาคาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติสินเชื่อแบบในปี 2550 - 2552 ขึ้นอีก
สำหรับร่างกฎหมายปฏิรูปภาคการเงินดังกล่าวได้ผ่านการเจรจาต่อรองมานานหลายเดือน จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐจึงสามารถตกลงประนีประนอมกันได้ในที่สุดเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของร่างกฎหมาย โดยหลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯแล้ว ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านการลงมติโดยวุฒิภา จากนั้นจึงจะส่งให้ประธานาธิบดีลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าวุฒิสภาสหรัฐจะลงมติร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวหลังจากวันที่ 12 ก.ค. สำนักข่าวเกียวโดรายงาน