การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เปิดเผยว่า บมจ.ช.การช่าง(CK) เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในการประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินสัญญา 1 และ 2
ทั้งนี้ ในการประมูลสัญญา 1 ทาง CK เสนอราคา 10,753 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ส่วน บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เสนอราคา 10,794 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ขณะที่ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 11,550 ล้านบาท และ กลุ่ม SN Joint Venture ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC) ร่วมกับ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ(NWR) เสนอราคา 11,074 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญาที่ 1 เป็นงานโครงสร้างใต้ดินช่วงหัวลำโพง-สนามไชย ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร มีสถานีใต้ดิน 2 สถานี ราคากลาง 11,592.59 ล้านบาท
และ สัญญา 2 CK ราคาต่ำสุดในการประมูลเช่นกันที่ราคา 10,028 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ขณะที่ ITD เสนอราคา 10,054 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และ กลุ่ม SN Joint Venture เสนอราคา 10,271 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญาที่ 2 วงเงิน 10,766.60 ล้านบาท เป็นการจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างเส้นทางใต้ดิน ช่วงสนามไชย-ท่าพระ ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร สถานีใต้ดิน 2 สถานี
"ตัวเลขที่เสนอมาต่ำสุดเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลางทั้งสองสัญญา คิดว่า ช.การช่างไม่มีปัญหาในการรับงาน เพราะเป็นบริษัทชั้นนำระดับอินเตอร์ฯ อยู่แล้ว"นายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ รองผู้ว่าการ รฟม. กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากเปิดซองราคาสัญญาที่ 1-2 ในวันนี้แล้ว จะมีการพิจารณารายละเอียดของผู้ที่เสนอราคาและเงื่อนไขเพิ่มเติม จากนั้นจะมีการเจรจาต่อรองคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือน หากสรุปได้ก็จะเสนอคณะกรรมการ รฟม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ คาดว่าจะลงนามในสัญญาว่าจ้างในเดือน ต.ค.53
ส่วนสัญญา 3-4 ที่ได้เปิดซองราคาไปก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดสัญญาคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการ รฟม.ในสัปดาห์หน้า และเริ่มเจรจาต่อรองราคา คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือน ก.ย.53
ขณะที่สัญญา 5 ซึ่งเป็นงานก่อสร้างระบบรางรถไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เข้าประมูล คาดว่าจะรู้ผลในเดือน ก.ค.ล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย รฟม.จะต้องเวนคืนที่ดิน ซึ่งเป็นลักษณะทยอยส่งต่อพื้นที่ให้กับผู้รับเหมา หลายพื้นที่ก็เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของประชาชน คาดว่าตามแผนงานโครงการดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน พ.ย.53 และกำหนดแล้วเสร็จในปี 59
ด้าน ตัวแทน บมจ.ช.การช่าง (CK) กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมรับงานทั้งสองสัญญา