World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2553

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 1, 2010 16:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศเพิ่มการจ้างงาน 13,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 60,000 ตำแหน่ง และน้อยกว่าเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 57,000 ตำแหน่ง

-- สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงาน (EIA) ในสังกัดกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 มิ.ย. ร่วงลง 2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 363.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล

-- สมาพันธ์ลอจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตในประเทศจีน อยู่ที่ระดับ 52.1 จุดในเดือนมิ.ย. ลดลง 1.8% จากเดือนพ.ค. และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 53.2 จุด

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่อยู่ที่ระดับ +1 จุด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 15 จุดจากไตรมาสแรกที่ระดับ -14 จุด และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 ไตรมาส

-- ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า พายุ "อเล็กซ์" ซึ่งเป็นเฮอริเคนลูกแรกในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้ ได้พัดขึ้นฝั่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเม็กซิโกแล้ว ในช่วงค่ำวันพุธตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาประเทศไทย

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนมิ.ย.ขยายตัว 2.6% จากปีที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าเป็นการขยายตัวต่ำกว่าคาด แต่นักวิเคราะห์ก็ยังคงคาดการณ์ในวงกว้างว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะเดินหน้าคุมเข้มด้านการเงินเพื่อควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

-- เหงียน ตัน ดุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม สั่งการให้สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) เตรียมรับซื้อข้าว 1 ล้านตันในช่วง 2 เดือนข้างหน้าเพื่อทำให้ราคาข้าวในประเทศมีเสถียรภาพ

-- สำนักงานสถิติของเวียดนามรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสสองปีนี้ ขยายตัว 6.4% จากปีก่อน เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัว 5.83% ซึ่งอัตราการขยายตัวที่เร็วขึ้นนี้เป็นผลมาจากยอดการปล่อยกู้ของธนาคารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นการผลิตและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

-- สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โตโยต้า มอเตอร์ กำลังพิจารณาเรื่องการเรียกคืนรถเล็กซัส รุ่น LS460 ในต่างประเทศประมาณ 270,000 คัน ซึ่งประเทศที่คาดว่าจะมีการเรียกคืนรถนั้น มีทั้งสหรัฐและประเทศอื่นๆที่มีการจำหน่ายรถรุ่นดังกล่าว หลังจากที่พบว่ามีปัญหาที่เครื่องยนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้มีการเรียกคืนรถเล็กซัส 3 รุ่นในประเทศญี่ปุ่นไปแล้วเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากระบบพวงมาลัยบกพร่อง

-- คณะกรรมาธิการยุโรปสั่งปรับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็ก 17 แห่งเป็นเงินรวม 518 ล้านยูโร (636 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งรวมถึงบริษัทอาร์เซลอร์มิตตาล หนึ่งในบริษัทเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลกที่ต้องจ่ายเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าปรับทั้งหมด โทษฐานร่วมกำหนดราคาในตลาด

-- ฮ่องกงได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบการคืนอำนาจการปกครองสู่จีนเป็นปีที่ 13 ในวันนี้ ซึ่งพิธีจัดขึ้นที่จตุรัส Golden Bauhinia Square โดยมีตัวแทนจากรัฐบาลและจีนแผ่นหินใหญ่เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีการประท้วงเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนในจีน

-- นายนิค สมิท รัฐมนตรีกระทรวงซึ่งดูแลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชาวนิวซีแลนด์จะต้องจ่ายค่าไฟ เชื้อเพลิง และสินค้าอื่นๆเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 165 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อปี หลังจากที่นิวซีแลนด์ได้นำกฎการค้าว่าด้วยสิทธิในการปล่อยมลพิษ (ETS) มาใช้ในวันนี้

-- มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับเครดิต Aaa ของสเปน และมีความเป็นไปได้ที่สเปนอาจถูกปรับลดอันดับ ในขณะที่สเปนเตรียมระดมทุนสูงถึง 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.3 พันล้านดอลลาร์ ด้วยการนำพันธบัตรอายุ 5 ปีออกจำหน่ายในวันนี้

-- มณฑลต่างๆของจีนอย่างน้อย 9 มณฑลจะเริ่มขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยปรับขึ้นสูงสุดถึง 1 ใน 3 หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุประท้วงของพนักงานมากไปกว่านี้

-- กระทรวงเศรษฐกิจเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้มียอดเกินดุลการค้า 7.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิถุนายน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมา โดยได้รับแรงหนุนจากยอดส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้น

-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 237 ต่อ 192 ผ่านร่างกฎหมายยกเครื่องระบบการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันเศรษฐกิจไม่ให้เผชิญกับวิกฤตการณ์การเงิน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ