ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งแรง รับข่าวสเปนขายพันธบัตร-ภาคธนาคารยุโรประดมทุนน้อยลง

ข่าวต่างประเทศ Friday July 2, 2010 08:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสเปนประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตรและธนาคารพาณิชย์ในยุโรปกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินในยุโรป ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนัก หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงข้อมูลภาคการผลิตและตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 2.39% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2526 ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.2234 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 1.53% แตะที่ 1.5176 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4947 ปอนด์/ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.87% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 87.620 เยน จากระดับของวันพุธที่ 88.390 เยน แต่พุ่งขึ้น 1.67% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0590 ฟรังค์ จากระดับ 1.0770 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.40% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 0.8433 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่0.8399 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.83% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 0.6902 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6845 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของยุโรป หลังจากรัฐบาลสเปนประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตรประเภท 5 ปีเพื่อระดมทุนมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร แม้มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับเครดิต Aaa ของสเปน และเตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับเครดิตของสเปนลง 2 ขั้นก็ตาม

นอกจากนี้ยูโรได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการระดมทุนของธนาคารพาณิชย์ในยุโรป หลังจากมีรายงานว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จัดหาเงินกู้ระยะ 3 เดือน วงเงินรวม 1.319 แสนล้านยูโร หรือ 1.614 แสนล้านดอลลาร์ ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรป ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 2.10 แสนล้านยูโร

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกเทขายอย่างหนักเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 472,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 452,000 ราย และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ประกอบการยังคงเลย์ออฟพนักงานมากขึ้น

ขณะที่สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 77.6 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และร่วงลง 15.9% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ส่วนดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านในเดือนเม.ย.ปีนี้อยู่ที่ระดับ 110.9 จุด

นอกจากนี้ สำนักงานจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 56.2 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 59.7 จุด

กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมิ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะร่วง 110,000 ตำแหน่ง เนื่องจากการจ้างพนักงานชั่วคราวของภาครัฐในส่วนของงานสำมะโนประชากรนั้น มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะอยู่ที่ระดับ 9.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ