บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในสัปดาห์นี้ (5 - 9 กรกฎาคม 2553) คงจะมีการทยอยไหลกลับของสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารหลังสิ้นเดือน อีกทั้งจะมีการตัดจ่ายเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ ท่ามกลางสภาพคล่องในตลาดเงินที่น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก คงจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังทรงตัวใกล้เคียงกรอบการเคลื่อนไหวเดิมที่ระดับ 1.25%
ส่วนเงินบาทในประเทศอาจเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ 32.25-32.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ มาชี้นำตลาด ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ สัญญาณการเข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงินของธปท. และทิศทางของสกุลเงิน/ตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ ทิศทางของเงินดอลลาร์ฯ อาจยังคงขึ้นอยู่กับประเด็นเกี่ยวเนื่องกับปัญหาทางด้านการคลังของประเทศในแถบยุโรป รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ
อาทิ ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนมิ.ย. ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค. และรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษในระหว่างสัปดาห์อีกด้วย อนึ่ง ตลาดหุ้น และตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันหยุดชดเชยวันชาติสหรัฐฯ
สำหรับภาวะตลาดเงินรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.-2ก.ค.) เงินบาทในประเทศ (Onshore) ทรงตัวในกรอบที่จำกัด การแข็งค่าของเงินบาทตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาคในช่วงต้นสัปดาห์ถูกชะลอลงบางส่วนจากแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเป็นการเข้ารักษาเสถียรภาพของเงินบาทจากธปท. อย่างไรก็ดี แรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ในฐานะที่เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย กดดันเงินบาทให้ขยับอ่อนค่ากลับมาในช่วงสั้นๆ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระดมทุนในยูโรโซน ซึ่งธนาคารหลายแห่งต้องชำระหนี้เงินกู้ (4.42 แสนล้านยูโร) คืนให้กับธนาคารกลางยุโรป (ECB)
กระนั้นก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทเป็นไปอย่างจำกัดในช่วงกลางสัปดาห์ หลังจากที่ผลการประมูลสภาพคล่องระยะ 3 เดือนของ ECB ออกมาน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้า สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ เท่ากับในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 มิ.ย.)