ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบยูโร หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานน่าผิดหวัง

ข่าวต่างประเทศ Saturday July 3, 2010 11:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขจ้างงานที่ร่วงลงเป็นครั้งแรกในปีนี้ และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่ร่วงลงเกินคาด ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่สุดอย่างสหรัฐอเมริกาอาจฟื้นตัวช้า

เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.19% แตะ 1.2541 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2517 ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้น 0.41% แตะ 110.11 เยน จากระดับ 109.66 เยน ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.07% แตะที่ 1.5184 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5173 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.22% แตะ 87.790 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 87.600 เยน, เพิ่มขึ้น 0.59% แตะ 1.0655 ฟรังค์สวิส จากระดับ 1.0592 ฟรังค์สวิส และบวกขึ้น 0.46% แตะ 1.0637 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0588 ในวันก่อน

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่า 0.18% แตะที่ 0.8415 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.8430 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าลง 0.25% แตะที่ 0.6881 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6898 เมื่อวันก่อน

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ในเดือนมิถุนายน ปรับตัวลดลง 125,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 110,000 ตำแหน่ง

ขณะที่การจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 83,000 ตำแหน่ง แต่น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ บ่งชี้ว่าธุรกิจต่างๆยังคงลังเลที่จะจ้างพนักงานเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน

แม้อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะปรับตัวลดลงเหนือความคาดหมายจาก 9.7% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 9.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน แต่อัตราว่างงานที่ลดลงนั้น เป็นผลมาจากประชาชน 652,000 คนเลิกหางานและทำให้ไม่ถูกรวมอยู่ในกำลังแรงงาน (labor force) ซึ่งประชาชนที่ไม่หางานทำจะไม่ถือว่าเป็นผู้ว่างงาน

นอกจากข้อมูลตลาดแรงงานที่น่าผิดหวังแล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. ร่วง 1.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 9 เดือน และร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยิ่งเพิ่มความไม่มั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ

นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การฟื้นตัวในภาคเอกชนยังต่ำอยู่ ซึ่งอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคลงไปอีก อันจะส่งผลสืบเนื่องให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวและล่าช้าออกไป เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐ

สำหรับเงินยูโรนั้น พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และปรับตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ในภูมิภาคยุโรป โดยธนาคารกลางยุโรปเผยว่า ธนาคารต่างๆขอกู้เงินน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่สเปนและฝรั่งเศสประสบความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตร แม้ว่ามูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับเครดิต Aaa ของสเปน และมีความเป็นไปได้ที่สเปนอาจถูกปรับลดอันดับก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ