ธนาคารกลางอินเดียตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนอกหมายกำหนดการเมื่อวานนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่กำลังขยายตัวเร็วขึ้น จนอาจกดดันความต้องการภายในประเทศ
แบงค์ชาติอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (reverse repurchase rate) เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ เป็น 4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 จากเดิมที่ระดับ 3.75% และขึ้นดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repurchase rate) เป็น 5.5% จาก 5.25%
การตัดสินใจของผู้ว่าการแบงก์ชาติอินเดียในครั้งนี้มีขึ้นก่อนการประชุมตามกำหนดการครั้งต่อไปในวันที่ 27 ก.ค.นี้ และมีขึ้นหลังจากที่ตลาดการเงินในประเทศปิดทำการแล้วเมื่อวานนี้ โดยเป็นความเคลื่อนไหวสืบเนื่องจากการที่รัฐบาลอินเดียประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแบงก์ชาติหวั่นว่าอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 1%
แบงก์ชาต์อินเดียระบุในแถลงการณ์ว่า ธนาคารฯจะยังคงติดตามสถานการณ์แวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคต่อไป โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านราคา และจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อเป็นการรับประกัน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอินเดียในไตรมาสแรกของปีนี้ ขยายตัว 8.6% จากปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดาประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของเอเชีย รองจากจีนที่ขยายตัว 11.9%
ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อจากราคาขายส่ง (wholesale-price inflation: WPI) ขยายตัวแตะ 10.2% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นเกือบ 14% ในเดือนพ.ค. และผลผลิตอุตสาหกรรมทะยาน 17.6% ในเดือนเม.ย.