บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นกู้เอกชนน่าจะยังคงสภาวะที่ค่อนข้างดีใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นปีที่มีการออกหุ้นกู้สูงสุดเป็นเป็นประวัติการณ์นั้น อาจให้ภาพที่ดูด้อยกว่าก็ตาม โดยคาดว่า ปริมาณการเสนอขายในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท และทำให้ภาพรวมทั้งปี น่าจะมีปริมาณหุ้นกู้ออกใหม่ทั้งสิ้นใกล้เคียงระดับ 200,000 - 250,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่สมาคมตลาดตราสารหนี้แห่งประเทศไทยเคยคาดการณ์ไว้
ส่วนปัจจัยหนุนที่สำคัญได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในระดับที่ควบคุมได้ โดยแม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อเป็นการดำเนินนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ แต่ด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงมีอยู่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวน่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่น่าจะสูงเกิน ร้อยละ0.75 ในช่วงที่เหลือของปี ดังนั้น ผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นต่อปริมาณการออกหุ้นกู้จึงคาดว่าจะอยู่ในวงจำกัด
อย่างไรก็ตาม การระดมทุนของบริษัทเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2553 ที่ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง รัฐบาลสามารถผ่านงบประมาณรายจ่ายสำหรับปีงบประมาณ 2554 ได้อย่างเรียบร้อย และผลกระทบจากปัญหาความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาหนี้ของยูโรโซนไม่กระทบต่อภาคการส่งออกของไทยมากนัก คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทต่างๆ เดินหน้าขยายกิจการคาดว่าบริษัทที่มีฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่งหรือมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี จะระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ เนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่าการกู้เงินจากสถาบันทางการเงิน และการเสนอขายหลักทรัพย์ในสภาวะที่ตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปริมาณหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดอีกประมาณ 30,000 ล้านบาทด้วย