สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 16 ประเทศ ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนเม.ย. เนื่องจากประชาชนในหลายประเทศเริ่มใช้เงินจับจ่ายซื้อสินค้ากันมากขึ้น
สำหรับยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ในกลุ่มอียูทั้ง 27 ประเทศ ปรับตัวขึ้น 0.4% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ยูโรสแตทระบุว่า ยอดขายสินค้านอกหมวดอาหาร อาทิ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เภสัชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ในยูโรโซน และ 0.5% ในอียู
ขณะที่ยอดขายอาหาร เครื่องดื่ม และบุหรี่ เพิ่มขึ้น 0.2% ในยูโรโซน และ 0.3% ในอียู
โดยเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป มียอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนสเปนเพิ่มขึ้น 0.3% และฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 0.2%
ส่วนประเทศสมาชิกอียูที่มียอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ เดนมาร์ก ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.8% ตามมาด้วยโปแลนด์ เพิ่ม 3.5% และเอสโตเนีย เพิ่มขึ้น 1.7% ส่วนมอลตามียอดค้าปลีกลดลงมากสุด 3.8% และโปรตุเกสลดลง 0.8%
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกในยูโรโซนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยปรับตัวลง 0.9% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากอัตราว่างงานในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง และรัฐบาลหลายประเทศได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณ ด้วยการใช้นโยบายลดรายจ่ายอย่างเข้มงวด