(เพิ่มเติม) ว่าที่ผู้ว่า ธปท.คาดดอกเบี้ยนโยบายทยอยปรับขึ้นไปที่ 2% ภายในสิ้นปีนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 7, 2010 10:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ในฐานะว่าที่ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นไปจนถึง 2% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% โดยเชื่อว่าจะเริ่มขยับตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ก็คงจะดูแลเพื่อไม่ให้กระทบกับตลาดการเงิน

" กนง. คงจะมีการวิเคราะห์พิจารณาอยู่แล้ว ซึ่งเท่าที่ดูเศรษฐกิจเราก็ฟื้นตัว แต่ขณะเดียวก็ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงนอกประเทศและในประเทศด้วย...แนวโน้มที่กนง.จะปรับดอกเบี้ยในลักษณะไม่กระทบกับตลาดการเงิน แต่แนวโน้มก็จะค่อยๆ ขยับขึ้น อาจจะค่อยเป็นค่อยไป" นายประสาร กล่าว

พร้อมกับเห็นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้ 4-6% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ โดยมองว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาส 2/53 มีผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง และมองว่าไตรมาส 3/53 และไตรมาส 4/53 สถานการณ์ทุกด้านน่าจะฟื้นตัว โดยมีปัจจัยหลักมาจากการส่งออกและการอุปโภคบริโภคในประเทศดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว

นายประสาร กล่าวถึงแนวโน้มค่าเงินบาทว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธปท.ได้ดูแลค่าเงินบาทได้ค่อนข้างดี แม้จะเกิดวิกฤติด้านต่างๆมามากมาย ปัจจุบัน ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลอื่นในภูมิภาคมีความผันผวนน้อยกว่า และไม่แข็งค่ามากเมื่อเทียบกับสกุลเงินภูมิภาคเดียวกัน

ส่วนการเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ถือเป็นเรื่องสำคัญ คือจะต้องดูแลเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศ เพื่อเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมทั้งดูแลเรื่องความมั่นคงเสถียรภาพทางการเงิน

นอกจากนี้ นายประสาร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังให้ความสำคัญในกรณีที่ต้องการทำให้ประชาชนทุกภาคส่วน ธุรกิจรายเล็ก รายกลาง สามารถเข้าถึงบริการในระบบธนาคารพาณิชย์ด้วยราคาและคุณภาพที่เหมาะสมนั้นว่า เป็นเรื่องที่ตั้งใจเข้ามาดูแลอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ในระบบธนาคารพาณิชย์ที่สูงถึง 3.3% เป็นตัวเลขเฉลี่ยในปี 52 ซึ่งหากดูในรายละเอียดจะพบว่าลูกค้ารายใหญ่ได้ส่วนต่างดอกเบี้ยต่ำ เพราะมีข้อมูลเครดิตที่ดีกว่าและมีทางเลือกมากกว่า ขณะที่ลูกค้ารายเล็กและรายกลาง มีส่วนต่างดอกเบี้ยสูงหรือค่อนข้างกว้าง

ดังนั้น หากทำให้ข้อมูลเครดิตของกลุ่มหลังมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยเฉพาะระบบบัญชี ก็เชื่อว่าจะทำให้ได้รับส่วนต่างดอกเบี้ยแคบลงไปได้ เพราะหากเปรียบเทียบ NIM ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยกับตลาดการเงินที่พัฒนาแล้ว จะพบว่า NIM ของเราจะสูงกว่า แต่หากเทียบกับประเทศที่ยังด้อยพัฒนา NIM บ้านเราก็ต่ำกว่า

นายประสาร ได้ลาออกจากกรรมการผู้จัดการ KBANK โดยจะมีผลวันที่ 15 ก.ค. หลังจากทำงานมาเป็นเวลา 6 ปี 3 เดือน เพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ แทนนางธาริษา วัฒนเกส ที่จะครบเกษียณอายุในสิ้นเดือน ก.ย.53


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ