นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง แนะนำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) พิจารณาถึงปัจจัยสำคัญที่เป็นแรงกดดันเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นให้รอบด้านก่อนตัดสินใจประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์/พี) ในขณะนี้ รวมทั้งให้พิจารณาถึงภาพรวมของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปด้วย เพราะถึงแม้ช่วงครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ดี แต่ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในสหภาพยุโรป(อียู)
ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยอาร์/พียังตรึงไว้ที่ 1.25% แต่วานนี้นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ออกมาแสดงความเห็นว่ามีโอกาสที่จะได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ ทั้งนี้ กนง.ขณะที่ กนง.จะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 14 ก.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง ยอมรับว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นหาก กนง.ตัดสินใจประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีก็จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อต้นทุนภาคเอกชน ซึ่งเชื่อว่าแนวทางการพิจารณา กนง.จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ส่วนกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วานนี้อนุมัติแต่งตั้งนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ได้ฝากผู้ว่า ธปท.คนใหม่ศึกษาส่วนต่างดอกเบี้ยในระบบธนาคาร โดยขอให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนและธุรกิจรายย่อย
รมว.คลัง ยังกล่าวถึงเรื่องอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างเงินกู้กับเงินฝากว่าขณะนี้มีส่วนต่างที่สูงเกินไปหรือไม่ โดยได้แสดงความเป็นห่วงกรณีได้มีการปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็กและประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้ฝากไว้ให้ผู้ว่า ธปท.ทั้งคนเก่าและคนใหม่ช่วยศึกษา และคาดว่าจะได้มีการหารือกับสมาคมธนาคารไทยในโอกาสต่อไป หลังจากผู้ว่า ธปท.คนใหม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
ในส่วนของเรื่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากในกลุ่มของผู้ประกอบการรายเล็กและประชาชนมีความน่าเป็นห่วงมากกว่าผู้ประกอบการายใหญ่ เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่มีความเสี่ยงน้อย ทำให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำอยู่แล้ว