เทมาเส็ก โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบรรษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิในปีบัญชีของบริษัทพุ่ง 42% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.86 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2553
สินทรัพย์ของเทมาเส็กอยู่ที่ระดับ 1.85 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ณ เดือนมีนาคมปี 2551 ก่อนที่จะร่วงลงมาสู่ระดับ 1.30 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในเดือนมีนาคมปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก
เทมาเส็กได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์เอเชีย โดยการลงทุนในบริษัทเอเชีย ไม่นับรวมญี่ปุ่นและสิงคโปร์ คิดเป็นสัดส่วน 46% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2547
"เราจะเพิ่มการลงทุนในเอเชียต่อไปในอีก 10 ปีข้างหน้า" ไซมอน อิสราเอล กรรมการบริหารบริษัท กล่าวในการแถลงข่าว
ในช่วงปีงบการเงิน 2552 เทมาเส็กลงทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ใน 10 บริษัท ซึ่งรวมถึงไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์, สายการบิน LAN Airlines ของชิลี และบริษัท Sobha Developers ของอินเดีย รวมถึงอีก 3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในการเสนอขายหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Issue) และการปรับโครงสร้างเงินทุน (Recapitalization)
เทมาเส็กกล่าวว่ามูลค่าการลงทุนของบริษัทขยายตัวราว 17% ต่อปีนับตั้งแต่มีการก่อตั้งกองทุนเมื่อปี 2517
ขณะเดียวกันอิสราเอลเตือนว่าการที่ระดับหนี้สินของรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาลงทุนอีกครั้ง
"สิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องสร้างสมดุลระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการบริหารตัวเลขขาดดุล" เขากล่าว