คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน งัดสารพัดมาตรการเพื่อแก้ปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนและราคาแพง โดยสั่งให้ควบคุมทุกขั้นตอนตั้งแต่โรงงาน ผู้จำหน่าย ค้าส่ง ผู้ครอบครอง และการลักลอบขนย้ายตามแนวชายแดน พร้อมให้แต่ละจังหวัดประกาศราคาแนะนำทั่วประเทศบวกราคาเพิ่มได้ไม่เกิน 5% หากพบผู้ฝ่าฝืนขายเกินราคามีโทษทั้งจำทั้งปรับ
"ที่ประชุมมีมติให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 กำหนดมาตรการเพิ่มเติมแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนและมีราคาแพง คาดว่าหลังจากนำมาตรการมาใช้จะทำให้ปัญหายุติลงได้ เพราะกระทรวงพาณิชย์จะสามารถติดตามตรวจสอบได้ว่าน้ำตาลทรายที่ผลิตออกมาขายไปที่ใด จำนวนเท่าไร โดย กกร.จะเร่งออกประกาศเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในทันที" นางพรทิวา กล่าวภายหลังการประชุม กกร.
โดยมาตรการที่ กกร.อนุมัติ ได้แก่ โรงงานน้ำตาลทรายจะต้องแจ้งต่อกรมการค้าภายในถึงปริมาณการผลิต การจำหน่ายภายในประเทศ การส่งออก ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บภายใน 7 วัน และทุกเดือน และให้แจ้งรายชื่อผู้ซื้อที่มีปริมาณครั้งละตั้งแต่ 10,000 กิโลกรัมขึ้นไป แยกเป็นกลุ่มผู้ค้าส่ง และผู้ใช้ ส่วนผู้แทนจำหน่าย ผู้ค้าส่ง ให้แจ้งรายชื่อผู้ซื้อตั้งแต่ 10,000 กิโลกรัมขึ้นไป ขณะที่ผู้ครอบครองน้ำตาลทรายตั้งแต่ 10,000 กิโลกรัมขึ้นไปจะต้องแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บทุกเดือน และผู้จะขนย้าย 1,000 กิโลกรัมขึ้นไป เข้ามาใน 24 จังหวัด 107 อำเภอ ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านจะต้องขออนุญาตก่อน
สำหรับปัญหาด้านราคาได้กำหนดราคาจำหน่ายปลีกแนะนำทั่วประเทศ และให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กจร.) กำหนดราคาจำหน่ายปลีกในจังหวัด แต่ต้องไม่เกินราคาแนะนำ 5% เช่น แม่ฮ่องสอน ราคาแนะนำขายปลีกกิโลกรัมละ 25.50 บาท จะบวกราคาเพิ่มได้อีก 5% หรือบวกเพิ่มได้อีก 1.275 บาท เป็นไม่เกิน 26.77 บาท
"เมื่อแต่ละจังหวัดมีราคาแนะนำขายปลีกแล้ว หากยังมีการจำหน่ายเกินไปกว่าราคาแนะนำบวก 5% จะมีความผิดตามกฎหมาย หากถูกจับกุมได้ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกรมการค้าภายในจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ามาตรการเหล่านี้จะแก้ปัญหาน้ำตาลตึงตัว และราคาแพงได้แน่นอน" นางพรทิวา กล่าว