สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางยุโรปคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความต้องการทองคำลดลงด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 2.80 ดอลลาร์ มาปิดที่ระดับ 1,196.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 12.80 เซนต์ ปิดที่ 17.8720 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ดีดตัวขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 3.0155 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 10.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,516.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 2.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 444.40 ดอลลาร์
จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วลดลง 21,000 ราย แตะระดับ 454,000 ราย และการที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยพร้อมกับประเมินว่าเศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้นั้น ทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง ลดน้อยลงไปด้วย
นอกจากนี้ ความต้องการลงทุนในทองคำยังลดลงอีกหลังจากไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขึ้นเป็น 4.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 4.1% รวมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็น 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.7% และปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเป็น 7.5% จากเดิม 7%
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ถือครองทองคำแท่งที่ระดับ 1,316.481 ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ก.ค. ซึ่งทรงตัวจากระดับของวันที่ 6 ก.ค.