นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า สถิติการยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (48-52) พบว่าคนไทยยื่นคำขอจดทะเบียนด้านสิทธิบัตรประมาณ 4,000 คำขอ/ปี คิดเป็น 40% ของสิทธิบัตรทั้งหมด โดยแบ่งเป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประมาณ 1,000 คำขอ/ปี คิดเป็น 16% สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ประมาณ 3,000 คำขอ/ปี คิดเป็น 75% และยื่นคำขอจดทะเบียนอนุสิทธิบัตรประมาณ 1,500 คำขอ/ปี คิดเป็น 95% ซึ่งเห็นได้ว่าคนไทยมีความสามารถในด้านอนุสิทธิบัตร และการออกแบบผลิตภัณฑ์ค่อนข้างมาก
สำหรับสถิติการยื่นขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในปี 53 เพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจากการเปรียบเทียบสถิติการยื่นคำขอจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของคนไทย ในช่วง 3 ไตรมาสของปีงบประมาณ 53 พบว่ากลุ่มเทคโนโลยีที่ยื่นจดทะเบียนสูงสุด คือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเทคโนโลยีที่จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ กลุ่มเครื่องจักรกลขนาดเล็ก เพิ่มขึ้น 230% เช่น เครื่องจักรการเกษตร และการยื่นคำขอจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์สูงสุด คือกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ และการยื่นคำขอจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุด คือกลุ่มอุปกรณ์บันทึกเสียงภาพ เพิ่มขึ้น 130%
ในส่วนของอนุสิทธิบัตรมีคนไทยยื่นจดทะเบียนสูงสุด คือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และยื่นจดอนุสิทธิบัตรเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุด คือกลุ่มโพลีเมอร์ โดยเพิ่มขึ้น 128%
ส่วนเครื่องหมายการค้านั้น คนไทยยื่นขอจดทะเบียนประมาณ 25,000 คำขอ/ปี โดยพบว่าจำพวกสินค้าที่ยื่นจดทะเบียนสูงสุดคือกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมี, ยา, เครื่องสำอาง ประมาณ 4,500 คำขอ/ปี และสินค้าที่จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ กลุ่มเครื่องจักรกล, เครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้า, ยานพาหนะ, อาวุธ เพิ่มขึ้น 18%
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ในปีนี้มีบริษัทที่มาจดสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากสถิติการจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เร่งดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยได้แก้ไขกฎหมายเครื่องหมายการค้าด้วยการลดระยะเวลาการประกาศโฆษณาจาก 90 วัน เหลือ 60 วัน ขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่งหมายการค้าจาก 30 วัน เป็น 60 วัน การจัดช่องทางด่วน Fast Track ให้บริการต่ออายุเครื่องหมายการค้าแบบเร่งด่วนภายใน 2 ชั่วโมง
ในส่วนของสิทธิบัตรนั้นได้ลดระยะเวลาการยื่นจดทะเบียนอนุสิทธิบัตรจาก 12 เดือน เหลือ 6 เดือน และเพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถสืบค้นข้อมูลสิทธิบัตรจากทั่วโลก กรมได้เช่าใช้บริการสืบค้นข้อมูลสิทธิบัตรจากทั่วโลก โดยใช้ฐานข้อมูลสิทธิบัตร Thomson and WIPS โดยผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์ นักวิจัยและประชาชนทั่วไปสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการจัดทำแผนที่สิทธิบัตร (Patent Mapping) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีได้
นอกจากนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนในส่วนภูมิภาค กรมฯได้จัดหน่วยบริการทรัพย์สินทางปัญญาเคลื่อนที่ (mobile unit) เพิ่มขึ้น พร้อมให้ทุนสนับสนุนค่าธรรมเนียมและจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำยังส่วนภูมิภาค เช่น ขอนแก่น และเชียงใหม่ เป็นต้น
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า เพื่อให้กระบวนการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารวดเร็วขึ้นได้ดำเนินการเร่งรัดการออกกฎหมายเครื่องหมายการค้าให้เข้าสู่สภาฯในสมัยการประชุมนี้ และเดือนต.ค.นี้จะเปิดให้บริการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้งเตรียมการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Marid Protocal) ในปี 54 นี้เพื่อให้บริการรับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ โดยขณะนี้ได้แก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับการเข้าเป็นภาคีสมาชิก
ทั้งนี้การเข้าร่วมพิธีสารดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการประหยัคค่าใช้จ่ายในการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศได้ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการเริ่มต้นธุรกิจร่วมกับกรมการปกครองและกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวก รวดเร็วขึ้น รวมทั้งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย