ทอม อัลบานีส ซีอีโอของริโอ ทินโต กรุ๊ป กล่าวแสดงความเห็นในการประชุมภาคอุตสาหกรรมเหมืองที่ลอนดอนว่า แนวคิดเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ด้านทรัพยากรของประเทศอาจจะแพร่กระจายออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากรัฐบาลประเทศต่างๆตั้งเป้าที่จะทำกำไรจากการทำธุรกิจเหมืองมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้อุปทานทรัพยากรตึงตัวได้
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศนโยบายการจัดเก็บภาษีทรัพยากรเหมืองจนทำให้บริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่ เช่น บีเอชพี บิลลิตัน, ริโอ ทินโต และเอ็กซ์สตราต้าออกมาคัดค้านและขู่จะถอนการลงทุนออกจากออสเตรเลีย แต่รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนางจูเลีย กิลลาร์ด นายกฯออสเตรเลียคนใหม่ได้เจรจาและตกลงกับภาคเอกชนได้ว่า การจัดเก็บภาษีทรัพยากรนั้น รัฐบาลจะลดการจัดเก็บลงเหลือ 30% จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเก็บภาษี 40%
นอกจากออสเตรเลียแล้ว จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้โลหะรายใหญ่สุดของโลกได้วางแผนที่จะจัดเก็บภาษีน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินทั่วประเทศ หลังจากที่ได้ใช้นโยบายการจัดเก็บภาษีที่มณฑลซินเจียงเมื่อเดือนที่แล้ว
ซีอีโอของริโอ ทินโต กล่าวว่า แนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีจะแพร่กระจายไปทั่วหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมด้านโอกาสของการลงทุนด้วย พร้อมชี้ว่า แนวคิดดังกล่าวอาจเหมาะสมกับออสเตรเลีย แต่อาจไม่เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนาประเทศอื่นๆก็ได้
นโยบายใหม่ด้านภาษีของออสเตรเลียได้กำหนดให้มีการยกเลิกการเก็บภาษีกำไรพิเศษด้านทรัพยากรที่ 40% โดยรัฐบาลจะลดภาษีเหมืองแร่ลงเหลือ 30% ขณะที่ภาษีน้ำมันและก๊าซจะจัดเก็บที่ระดับ 40%
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ประกาศงดเว้นการจัดเก็บภาษีสินค้าโภคภัณฑ์ทุกรายการ นอกเหนือจากสินแร่เหล็กและถ่านหิน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยคลายความวิตกกังวลเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มเจ้าของโครงการผลิตโลหะพื้นฐาน