นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนร่วมการงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ส่งสรุปผลการพิจารณาสัมปทานดาวเทียมไทยคมให้กับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อวันที่ 7 ก.ค.สรุปว่าบมจ. ไทยคม (THCOM) ไม่ได้ดำเนินการตามสัญญาและมีความผิดตามที่คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ได้ตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาทว่ายังไม่ได้รับรายงานจากไอซีทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที คงจะเสนอเรื่องมาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ได้ให้เวลามานานแล้ว และก่อนหน้านี้ก็ล่าช้ามาหลังจากที่มีคำวินิจฉัยของศาลมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม กำลังให้ทางกระทรวงไอซีทีทำตัวเลขมาพิจารณา และเรื่องนี้ รมว.ไอซีทีเองก็ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยได้บอกกับตนว่าต้องพิจารณาทุกทางเลือกที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากจะไปเกี่ยวพันกับการรักษาสิทธิเรื่องวงโคจรด้วย
ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ใน 3 ทางเลือกเดิมคือ การยิงดาวเทียมขึ้นไปใหม่ หรือยึดคืนหรือซื้อคืน ซึ่งตนยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่าจะพิจารณาใช้ทางเลือกใด และยังไม่มั่นใจว่าในการประชุม ครม.วันที่ 13 ก.ค.นั้น รมว.ไอซีที พร้อมที่จะนำเสนอเลยหรือไม่ เพราะข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบก็เพิ่งเสร็จสิ้น แล้วยังต้องประมวล เนื่องจากจะมีความเห็นของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆอีก
"ความรับผิดทางกฎหมายก็ต้องเดินหน้าไป หากคณะกรรมการพบว่ามีการกระทำผิดและยังมีประเด็นที่ยังไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายอยู่ก็ต้องเดินหน้าไป ซึ่งก็ต้องแยกต่างหากกับการแก้ปัญหา ซึ่งถ้ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง กระทรวงไอซีทีก็สามารถส่งฟ้องไปยัง ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว