นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้รับทราบการรายงานผลอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในช่วง 6 เดือนแรกจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งทางคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งขาติ(สภาพัฒน์) ได้ประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้มีแนวโน้มจะขยายตัวได้ถึง 7%
นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า ธปท.รายงานว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวยังเป็นบวกแม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง โดยภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีในเดือนมิถุนายน และคาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนวิกฤติได้ก่อนสิ้นปี 53
การบริโภคได้รับผลกระทบเล็กน้อยและมีแนวโน้มขยายตัวเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวสูง การจ้างงานอยู่ในระดับดี และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังสถานการณืคลี่คลายส่งผลให้การผลิตและการลงทุนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการที่สนับสนุนการบริโภคภาคเอกชน ได้แก่ การต่ออายุมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ 5 มาตรการ อีก 6 เดือน การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 5% เป็นวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท และมาตรการ"ไทยเที่ยวไทย" ซึ่งเป็นการให้หักลดหย่อนภาษีเงินได้ 15,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปี อันเนื่องมาจากมาตรการกะตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของประเทศต่างๆที่เริ่มทยอยสิ้นสุดลง การชะลอการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลัง และภาวะวิกฤติหนี้ในยุโรป อาจส่งผลให้การส่งออกไทยชะลอตัวลงบ้าง
ส่วนภาคการเงินยังขยายตัวต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภาคการเงินโดยรวมยังแข็งแกร่ง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง ระบบการเงินยังมีสภาพคล่อง ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปล่อยสินเชื่อ การให้สินเชื่อยังขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในเป้าหมายและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตามแนวโน้มของเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคไม่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก
"เศรษฐกิจทุกตัวมีแนวโน้มที่ดี ยกเว้นการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะฟื้นใน 2 ไตรมาส" นายธราดล กล่าว