มูฮัมหมัด อาริฟฟ์ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจมาเลเซีย คาดการณ์ว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจมาเลเซียเข้าสู่ภาวะถดถอยระลอกใหม่ในปีนี้ แม้วิกฤตการณ์ดังกล่าวอาจทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียชะลอตัวลงบ้างก็ตาม
"แม้วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปมีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจมาเลเซีย แต่ก็คาดว่าจะไม่รุนแรงมากเมื่อเทียบกับวิกฤตการณ์การเงินที่มีต้นตอมาจากสหรัฐ และแม้ว่ามีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ผมไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขนาดทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียเข้าสู่ภาวะถดถอยระลอกใหม่ เพราะผลกระทบที่มาเลเซียได้รับจากวิกฤตหนี้ยุโรปนั้นน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับสหรัฐ" อาร์ริฟฟ์กล่าว
ทั้งนี้ นายอาริฟฟ์คาดว่า รูปแบบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมาเลเซียอาจมีลักษณะ W-shape แต่จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง โดยในปี 2552 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัวลง 1.7% แต่ได้ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งถึง 10.1% ในไตรมาสแรกของปี 2553 ขณะที่ธนาคารกลางมาเลเซียคาดว่า จีดีพีปีนี้จะขยายตัวราว 4.5 - 5.5% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สามารถยอมรับได้ แม้จะมีกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในยุโรปก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นายอาริฟฟ์ยอมรับว่า มาเลเซียกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในการลดยอดขาดดุลงบประมาณลงสู่ระดับ 5.6% ในปีนี้ และคาดว่ารายได้ด้านการคลังของรัฐบาลจะหดตัวลงเนื่องจากรายได้ด้านการคลังที่ย่ำแย่สืบเนื่องมาจากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ นายอาร์ริฟฟ์ได้แนะนำให้รัฐบาลมาเลเซียสร้างวินัยด้านการคลัง และมุ่งเน้นผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน สำนักข่าวซินหัวรายงาน